เรียกได้ว่าเป็นที่จับตากันอย่างมาก กรณีนโยบาย โครงการ Digital Wallet หรือ เงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการ Digital Wallet หรือเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้ว่า เงินดิจิทัล 10,000 บาท หรือโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเริ่มในปี 2567 เป็นระบบการชำระเงินแบบใหม่ที่พัฒนาขึ้นมา ต้องใช้เวลาทำระบบ ทดสอบระบบความมั่นคง ความปลอดภัย เสถียรภาพ และการจัดสรรงบประมาณโดยประเมินว่าจะต้องดำเนินการภายในครึ่งปี 2567 เพื่อให้ทันในช่วงเทศกาลสงกรานต์
สำหรับประเด็นที่หลายคนสงสัยว่า เงินดิจิทัล 10,000 บาท มีวิธีใช้อย่างไร โอนเข้าบัญชีธนาคารได้หรือไม่ นายเผ่าภูมิ ระบุไว้ 2 กลุ่ม คือ
- กลุ่มที่มีโทรศัพท์มือถือ หรือสมาร์ทโฟนจะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น จากนั้นใส่หมายเลขบัตรประชาชน และเงินดิจิทัลจะขึ้นมาอัตโนมัติ จากนั้นก็นำไปใช้จ่ายได้
- ส่วนกลุ่มที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ หรือสมาร์ทโฟน ให้ใช้บัตรประชาชนควบคู่กับ QR Code ไปใช้จ่ายได้ ตัวบัตรจะผูกกับบัตรประชาชนของผู้ที่เอามาซื้อ และตัดบัญชี ที่สำคัญเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะเข้าไปอยู่ในบัญชีดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ได้เข้าบัญชีออมทรัพย์ของธนาคาร ฉะนั้น ไม่สามารถกดเงินได้เพราะเป็นวงเงินคนละกระเป๋า
นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า การจัดสรรงบประมาณที่จะนำมาดำเนินการดิจิทัลวอลเล็ต หรือ เงินดิจิทัล 10,000 บาท ว่ามาจากภาษีที่เพิ่มขึ้น จากขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ขึ้น, ภาษีที่เกิดจากการหมุนเวียนในโครงการนี้ ทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีนิติบุคคล รวมถึงการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งเราศึกษาจากหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้แล้ว และไม่จำเป็นต้องกู้เงินเพิ่มจากโครงการนี้ แม้จะต้องใช้เงิน 5.6 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ ตัวระบบเงินดิจิทัล 10,000 บาท หรือดิจิทัลวอลเล็ต สร้างโดยรัฐบาลไม่เกี่ยวกับเอกชน อาจจะมีการจัดซื้อจัดจ้างหรือให้หน่วยงานภาครัฐเป็นตัวทำ ต้องดูความเหมาะสมถึงความเป็นไปได้ และต้องมีการประสานกันพอสมควร ระบบจะถูกสร้างโดยรัฐบาลไทย เป็นโครงสาร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ทิ้งไว้ให้กับประเทศนี่ไม่ใช่เหรียญที่ออกโดยเอกชน เหมือนสิทธิ์การใช้เงิน มองข้างหน้าเหมือนแอปฯ เป๋าตัง มองข้างหลังคือเทคโนโลยีที่ทำผ่านระบบบล็อกเชน ไม่ใช่คริปโตหรือบิตคอยน์