"บิ๊กโจ๊ก" ไม่เอาไว้ ตร.ผิดครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ย้าย แต่ไล่ออกถึงขั้นติดคุก

14 กันยายน 2566

บิ๊กโจ๊ก ตร. ผิดวินัยละเว้นไปยืนอยู่ข้างคนผิด ไม่เอาไว้ ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ย้าย แต่ไล่ออกถึงต้องโทษ เพื่อเป็นบทเรียนให้เห็น

จากรณีเมื่อวันที่ 14 ก.ย.66 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพลา รอง ผบ.ตร. เผยความคืบหน้าของการกู้กล้องวงจรปิดในงานเลี้ยงบ้านกำนันนก  ว่า สรุปกล้องวงจรปิด มีกล้อง 15 ตัว จากกู้เซิร์ฟเวอร์ได้มา 13 ตัว เหลืออีก 2 กล้อง กำลังเร่งทำอยู่ น่าจะสมบูรณ์พรุ่งนี้ช่วงบ่ายๆ ในภาพทั้งหมด 13 กล้อง เห็นภาพชัดเจน ตอนนี้ยังไม่สามารถลงรายละเอียดได้ว่าใครทำอะไรบ้าง เพราะอยู่ในสำนวน

  บิ๊กโจ๊ก ไม่เอาไว้ ตร.ผิดครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ย้าย แต่ไล่ออกถึงขั้นติดคุก

ในเบื้องต้นภาพที่เห็นในกล้องวงจรปิดกับคำให้การของตำรวจสวนทางกันหมด พร้อมกับยืนยันนาทีเกิดเหตุยิงสารวัตรแบงค์  ไม่มีใครตำรวจคนไหนจับนายหน่อง เอาแต่วิ่งหนีกันกระเจิดกระเจิง ส่วนตำรวจที่นำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลนั้นก็ไม่ได้เยอะอย่างที่มีข้อมูลออกไปก่อนหน้า ส่วนคนบอกว่าช่วยแต่จริงๆไม่ช่วยก็มี

 

  บิ๊กโจ๊ก ไม่เอาไว้ ตร.ผิดครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ย้าย แต่ไล่ออกถึงขั้นติดคุก

โดยพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า การบ้านชุดใหญ่ในตอนนี้ คือ การตรวจเส้นทางการเงินทั้งหมด ว่าเงินส่วนไหนเข้ามายังไงถูกต้องหรือไม่ และการประมูลงาน 1,500 กว่าโครงการ เป็นการประมูล ได้เสียภาษีไหม และจะมีการตรวจสอบต่อไปถึงเรื่อง ส่วยสติ๊กเกอร์ ต่างๆ เพราะเรื่องพวกนี้เกี่ยวพันกันทั้งหมด

ทั้งนี้ บิ๊กโจ๊ก ยืนยัน ถ้าตำรวจผิดจริง โทษถึงไล่ออกจากราชการ ไล่ออกยังไปประกอบอาชีพอื่นได้ แต่ถ้าโดนคดีอาญาคือติดคุก จะมีการดำเนินคดีอาญาและวินัย ตำรวจคนไหนที่ละเว้นไปยืนอยู่ข้างคนผิด ผมไม่ปล่อยไว้แน่ เพื่อเป็นบทเรียนให้เห็น

บิ๊กโจ๊ก ไม่เอาไว้ ตร.ผิดครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ย้าย แต่ไล่ออกถึงขั้นติดคุก

ท้ายที่สุดแล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า "เมื่อตำรวจไปยืนอยู่ข้างคนทำผิด ไปเป็นกิ่งก้าน ไปเป็นไม้ค้ำยัน ให้ผู้ที่เป็นนักเลง ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ก็ต้องถูกลงโทษบางคนอาจจะต้องสูญเสียอนาคต"