ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุม นายชะโลมฯ ในความผิดฐาน “ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ความผิดต่อพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ลักทรัพย์” สถานที่จับกุม บริเวณคอนโดแห่งหนึ่งย่าน ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2559 มูลนิธิศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้มีมติให้ย้ายเงินฝากจากธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ไปยังธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนร่มเกล้า ต่อมาในวันที่ 19 สิงหาคม 2559 พระครูปลัดสุชาติฯ ประธานมูลนิธิศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กับ นายชาญบุณฑ์ฯ กรรมการ และเหรัญญิก ของมูลนิธิศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ผู้ต้องหาที่ 1 ได้นำฝากแคชเชียร์เช็ค ของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ไปเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ประเภทเงินฝากประจำ จำนวน 41,045,966.67 บาท
แต่เนื่องจากเป็นวันศุกร์ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ต้องเรียกเก็บเงิน ตามเช็คไปยังธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อนำเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในวันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2559 นายวิรัตน์ฯ ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งเป็นพนักงานธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จึงให้นายชาญบุณฑ์ฯ ผู้ต้องหาที่ 1 และพระครูปลัดสุชาติ ฐานจาโร ลงชื่อในใบนำฝากเงิน และใบถอนเงินที่ยังไม่ได้กรอกข้อความไว้
ต่อมาเมื่อธนาคารกรุงไทยฯ สามารถเรียกเก็บเงินตามเช็คเพื่อนำเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทยฯ ได้แล้วนายวิรัตน์ฯ ผู้ต้องหาที่ 2 ได้ถอนเงินจำนวน 41,045,966.67 บาท นำเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทยฯ ประเภทเงินฝากประจำ ของมูลนิธิศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย และได้ใช้เอกสารสิทธิใบถอนเงินที่มีลายมือชื่อปลอมของพระครูปลัดสุชาติฯ ทำการถอนเงินจำนวนเดียวกันจากบัญชีธนาคารกรุงไทยฯ ประเภทฝากประจำของมูลนิธิศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ไปยังบัญชีธนาคารของบริษัท โอเวอร์ซี เพาเวอร์ จำกัด
ต่อมา วันที่ 13 กันยายน 2559 บริษัท โอเวอร์ซี เพาเวอร์ จำกัด ได้ถอนเงินจำนวน 6,100,000 บาท และนำเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทยฯ ประเภทออมทรัพย์ ของมูลนิธิศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผลตอบแทนร้อยละ 5 ที่จะให้กับมูลนิธิศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย
จากนั้นบริษัท โอเวอร์ซี เพาเวอร์ จำกัด ถอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงไทยฯ นำเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) ของนายชาญบุณฑ์ฯ ผู้ต้องหาที่ 1 รวมเงิน จำนวน 30,000,000 บาท และนายชาญบุณฑ์ฯ ได้ถอนเงินจากบัญชีธนาคารของตนนำฝากเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ของบริษัท กวิณลักษณ์ จำกัด เป็นจำนวนหลายครั้ง รวมจำนวนเงิน 30,000,000 บาท มูลนิธิศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย จึงร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจ กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ให้ดำเนินคดีกับนายชาญบุณฑ์ฯ กับพวก
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. สืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาฯ หลบหนีการจับกุมและพักอาศัยอยู่ที่ย่านรามคำแหง - หัวหมาก จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบบุคคลมีตำหนิรูปพรรณตรงกันกับผู้ต้องหา เดินออกมาจากห้องพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเข้าจับกุมตัวนำส่ง ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผลปฏิบัติภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป.
สั่งการให้ พ.ต.ต.ณรงค์ หาญสันเทียะ สว.กก.4 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. ดำเนินการ