ชาวเน็ตถล่มยับ รถเมล์ทิ้งเด็กเป็นลมไว้ข้างถนน โชคดีมีคนเข้าช่วยเหลือ

22 กันยายน 2566

ชาวเน็ตถล่มยับ รถเมล์ทิ้งเด็กเป็นลมไว้ข้างถนน โชคดีมีคนเข้าช่วยเหลือ ผู้โดยสารท่านอื่นโผล่เล่าเหตุการณ์

กลายเป็นประเด็นที่วิจารณ์กันในโซเชียล เมื่อเฟซบุ๊กเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้ออกมาแชร์เรื่องราวที่ลูกเพจเล่าถึงประเด็นที่ รถเมล์สายหนึ่งทิ้งเด็กที่เป็นลมไว้ข้างถนน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 16 ก.ย. 66 ช่วงเวลาประมาณ 18.00 น.

ชาวเน็ตถล่มยับ รถเมล์ทิ้งเด็กเป็นลมไว้ข้างถนน โชคดีมีคนเข้าช่วยเหลือ

โดยรายละเอียดของโพสต์ดังกล่าว ระบุว่า คนเรามันเป็นขนาดนี้เลยหรอคะ เมื่อตอนช่วงหกโมงเย็นวันนี้ มีรถเมล์สาย 75 ได้ทิ้งเด็กนักเรียนชาย ม.ต้น ที่กำลังเป็นลมสลบลงบนพื้นริมฟุตบาทถนน ตรงป้ายรถเมล์ข้าง สน.วันพระยาไกร

ซึ่งเราได้อยู่ในเหตุการณ์ตกใจมากกกก ว่าทำไมปล่อยน้องที่เป็นลมมานอนกับพื้นแบบนี้ เราจึงเข้าไปดูใกล้ๆและได้ช่วยดึงขึ้นมาจากริมถนน ซึ่งอันตรายมากๆ หลังจากนั้นน้องก็ได้สติและเราก็ได้หาน้ำและยาดมให้เบื้องต้น สักพักจึงได้ถามน้องว่าเป็นอะไร น้องแจ้งว่าไม่สบายเวียนหัวมาก แล้วก็ถามต่อว่าน้องมาจากไหนและกำลังจะไปไหนน้องก็แจ้งว่ามาจากยานาวาและกำลังกลับบ้านที่ประชาอุทิศ 27 และก็ถามต่อว่าให้โทรหาพ่อกับแม่ให้มั้ย น้องบอกว่าแม่ผมเสียแล้ว ส่วนพ่อทำงาน สักพักก็ได้มีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาน้องและได้อธิบายว่า

ชาวเน็ตถล่มยับ รถเมล์ทิ้งเด็กเป็นลมไว้ข้างถนน โชคดีมีคนเข้าช่วยเหลือ

อยู่บนรถเมล์คันเดียวกัน พี่เขาแจ้งว่า รถเมล์มา แออัดมากทำให้น้องเป็นลม และกระเป๋ารถเมล์ได้หิ้วน้องลงมานอนกับพื้น ซึ่งคนบนรถเมล์ก็ตกใจกันเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้มีใครลงมาด้วย ซึ่งพี่ผู้หญิงเขาได้ลงจากรถเมล์ป้ายข้างหน้าและเดินมาหาน้องเพราะกลัวว่าเป็นอะไรไป พอน้องดีขึ้นแล้วพี่เขาก็เลยอาสาไปส่งที่บ้าน!!!

ประเด็นที่อยากทราบ ทำไมกระเป๋ารถเมล์ ทำไมทำแบบนี้คะ ถ้าน้องเขาเป็นอะไรไปจะรับผิดชอบได้มั้ย ถ้าเป็นลูกคุณจะทำแบบนี้มั้ย ปล.ไม่มีรูปทะเบียนรถเมล์ ถ่ายไม่ทัน ไม่มีรูปตอนน้องนอนกับพื้นค่ะ ถ่ายไม่ทันเพราะตกใจ

ซึ่งหลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นกันมากมาย หลายคนขอบคุณหญิงสาวรายดังกล่าวที่ยื่นมือช่วยเหลือ พร้อมทั้งตำหนิการกระทำของรถเมล์คันดังกล่าว

ชาวเน็ตถล่มยับ รถเมล์ทิ้งเด็กเป็นลมไว้ข้างถนน โชคดีมีคนเข้าช่วยเหลือ