หลายคนกำลังจับตากันอย่างหนัก กับสถานการณ์ที่ฮามาสในดินแดนปาเลสไตน์ ยิงขีปนาวุธ จากกาซา ประมาณ 5,000 ลูก ถล่มเข้าไปในประเทศอิสราเอล ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันเสาร์ (7 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น นับว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี ขณะที่ทางด้าน นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ประกาศภาวะสงครามแล้ว
ทางด้าน สถานทูตไทยในอิสราเอล ได้แจ้งเตือนคนไทยในอิสราเอลและเผยแพร่วิดีโอแนวปฏิบัติตัวเมื่อได้ยินสัญญาณเตือนภัยแล้ว ส่วนทางด้าน นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สั่งการสถานเอกอัครราชทูตให้ดูแลคนไทยและติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
ซึ่งล่าสุด วันที่ 8 ต.ค. 66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้รับรายงานอย่างไม่เป็นทางการว่า คนไทยเสียชีวิต 1 คน และแรงงานที่เข้าใจว่าถูกจับตัวหรือกักขัง 11 คน ซึ่งตอนนี้ไม่ได้รับการยืนยันว่าอยู่ที่ใดบ้าง โดยปัจจุบันยังมีการล็อกดาวน์ให้คนอยู่แต่ในบ้าน ซึ่งตนได้พูดคุยกับผู้บัญชาการทหารอากาศว่า ให้เตรียมเครื่องบินให้มีความพร้อม ถึงแม้ว่าน่านฟ้าปิด แต่เราไม่ได้นิ่งนอนใจ เราก็สแตนด์บาย 24 ชั่วโมง มีคณะแพทย์เดินทางไปด้วย ตรงนี้เป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องนี้ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความช่วยเหลือคนไทย โดยตนได้ให้เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวไว้กับทูตไทยในอิสราเอลเช่นกัน หากสถานการณ์มีความคืบหน้า สามารถติดต่อโดยตรงได้ตลอดเวลา โดยขอให้มีการรายงานแบบวันต่อวัน แต่ทูตไทยเองขณะนี้ก็ยังอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์และอยู่ในห้องหลบภัย ไม่สามารถเดินทางออกไปไหนได้ ยอมรับว่าสถานการณ์อยู่ในภาวะตึงเครียด และเดินหน้าไปในทิศทางที่ไม่ดีขึ้น
สำหรับแรงงานไทยที่ถูกจับตัวไป ยืนยันว่าเราพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะให้การช่วยเหลือ เพราะถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งครั้งนี้ ส่วนพื้นที่ทางตอนใต้ของอิสราเอลที่มีแรงงานไทยอยู่เป็นจำนวนมาก ยังไม่ได้รับรายงานเพิ่มเติม เพราะทุกคนออกจากบ้านไม่ได้ และไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจำนวนแรงงานที่ถูกจับตัวไปอาจจะมีมากกว่าหรือน้อยกว่า 11 คน ต้องรอรายงานยืนยันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ทั้งนี้ ในประเทศอิสราเอลมีจำนวนแรงงานไทยอยู่ราว 25,000 คน โดย 5,000 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ขัดแย้ง