ถือเป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญที่ได้รับความสนใจอย่างมาก หลังจากละครเรื่อง "พรหมลิขิต" ออนแอร์ ตอนแรก สำหรับ "ท้าวทองกีบม้า" หรือ "นางมารี กีมาร์ เดอ ปิน่า" ตัวละครที่มีเค้าโครงจากฉากหน้าประวัติศาสตร์จริง เป็นสตรีลูกครึ่งโปรตุเกส–ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้คิดค้นสูตรตำรับคาวหวานอันเลื่องชื่อ เช่น ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด
โดยชาวเน็ตพูดถึงมากที่สุดคือชะตากรรมของท้าวทองกีบม้า ภรรยาของเจ้าพระยาวิชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ขุนนางกรีกที่ทำราชการในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราชชีวิตที่รุ่งโรจน์ของ มารี กีมาร์ ดับวูบลงเมื่อเจ้าพระยาวิชเยนทร์ผู้เป็นสามี ถูกตัดสินประหารชีวิตและริบราชบาตร
หลังเกิดจลาจลก่อนสิ้นรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเพียงไม่กี่วัน มารี กีมาร์ สิ้นเนื้อประดาตัว และถูกคุมขังในคุกหลวง ภายหลังสิ้นรัชกาลพระเจ้าเสือ ชีวิตของ มารี กีมาร์ ได้กลับมาดีขึ้นโดยลำดับ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระทรงโปรดเกล้าให้มาดามฟอลคอนเข้ามารับราชการฝ่ายใน
ในปัจจุบัน หนึ่งในบรรดาต้นตำรับขนมท้าวทองกีบม้า คือ ขนมไทยของ นางมะลิ ภาคาภร อายุ 80 ปี ที่ ต.เกาะเรียน อ.พระนครศรีอยุธยา ห่างจากหมู่บ้านญี่ปุ่นและโปรตุเกส ประมาณ 1 กิโลเมตร โดยคุณป้ามะลิ ถือเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดชุมชนเครือญาติท้าวทองกีบม้า ปัจจุบันได้ตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนขนมไทย ต้นตำรับท้าวทองกีบม้า มีสมาชิกที่เป็นเครือญาติช่วยกันทำขนมทั้งหมด 12 คน ซึ่งการผลิตขนมยังยึดแบบเดิม ทองหยอดต้องหยอดด้วยมือ ที่จะสามารถกำหนดขนาดของทองหยอดได้อย่างสม่ำเสมอ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
โดยนางมะลิ ภาคาพร ได้รับมอบปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ ประจำปีการศึกษา 2563-2564 จากมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา นับเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในวงการขนมไทยและเป็นปูชนียบุคคลทรงคุณค่าของชาวพระนครศรีอยุธยา
ขอบคุณภาพเพจ ขนมไทย ป้ามะลิ ขนมไทยกรุงเก่า เกาะเรียน