เรียกได้ว่ากลายเป็นกระแสสังคมร้อนฉ่า เมื่อ"กะทิ กะทิยา ขันทอง" อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง เจ้าของตำแหน่ง Miss Keemao 2023 (มิสขี้เมา) ได้ออกมาไลฟ์แฉบริษัทประกันชื่อดัง ผ่านทางTiktok โดยเธอได้ระบุว่า เธอได้ไปผ่าไส้ติ่งค่ารักษาเกือบ 2 แสน แต่สุดท้ายต้องเป็นหนี้เพราะประกันยังไม่ให้เคลม
กะทิ กะทิยา ได้ออกมาเล่าถึงประสบการณ์ซื้อประกันสุขภาพกับบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง เบี้ยประกัน 6 ล้านบาาท โดยต้องจ่ายเบี้ยประกันประมาณปีละ 36,000-37,000 บาท ตอนซื้อประกันได้ส่งผลตรวจสุขภาพหลังทำหน้าอกและดูดไขมันมา ตอนนั้นส่งไปผลตรวจพบว่าสุขภาพเธอปกติไม่ได้เป็นโรคอะไร ทางประกันก็ได้อนุมัติให้
แต่เมื่อล่าสุดเธอต้องเข้ารับการรักษาผ่าตัดไส้ติ่ง ก่อนไปจึงได้ถามตัวแทนประกัน ตัวแทนยืนยันว่าไม่ต้องสำรองจ่าย เคลมประกันได้แน่นอนทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน สามารถแอดมิตได้ เพราะป่วยไส้ติ่ง ไม่ใช่โรคติดต่อ
แต่หลังจากที่เธอทำการรักษาเสร็จ ทางประกันส่งข้อความมาบอกว่า "การอนุมัติสินไหมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์ และความจำเป็นของทางการแพทย์" และวันที่จะออกจากโรงพยาบาล ทางประกันส่งข้อความมาว่า "อยู่ระหว่างรอข้อมูลเพิ่มเติมจากโรงพยาบาล" โดยหลังจากนั้นมาทางพยาบาลให้การช่วยเหลือเธออย่างเต็มที่ โดยการส่งข้อมูลการรักษาไส้ติ่งของเธอให้กับทางบริษัทประกัน พร้อมทั้งเธอยังตั้งข้อสงสัยอีกว่า แค่ผ่าตัดไส้ติ่งต้องเอาประวัติอะไร
หลังจากนั้นทางประกันส่งข้อความมาว่า "ไม่สามารถเคลมได้กรุณาถามรายละเอียดได้ที่จุดบริการโรงพยาบาล" เธอจึงโทรไปสอบถามตัวแทนประกัน ได้คำตอบมาว่า "ต้องดูประวัติการตรวจสุขภาพก่อน" เรื่องนี้ก็ยังสงสัยว่าทางประกันจะตรวจสอบทำไมและตรวจสอบอะไร ในเมื่อตอนซื้อประกันได้ส่งประวัติแล้วและประกันก็อนุมัติ
ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2566 กะทิมีอาการเท้าบวม หมอก็ระบุว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่ใช้เท้าบ่อย และใส่ส้นสูงทั้งวัน เราก็ส่งบัตรประกันไป และสำรองจ่ายเงินตามปกติ ซึ่งค่ารักษาครั้งนั้นประมาณ 20,000 บาท ก็ยังไม่ได้เคลม ซึ่งนำมาโยงกับเคสนี้ประกันอธิบายว่าครั้งแรกที่กะทิเท้าบวม บริษัทก็สงสัยว่าสาเหุเกิดจากอะไร เลยต้องขอประวัติการรักษาทั้งหมด เพื่อดูว่าสาเหตุเกิดจากอะไร
แต่กรณีล่าสุดคือป่วยต้องผ่าตัดแล้วเกี่ยวอะไรกันถึงไม่สามารถเคลมได้ ประกันตอบมาว่า ต้องพิจารณาอันแรกก่อน อันที่สองถึงจะตามมา
กะทิ กะทิยา ได้ตั้งคำถามว่า เคสแรกป่วยเท้าบวม เคสที่สองป่วยไส้ติ่ง แต่ก็ไม่สามารถเคลมอะไรได้เพราะรอตรวจสอบเคสแรกอยู่ แล้วถ้าจากนี้ไปประสบอุบัติเหตุอะไรก็ต้องรอตรวจสอบประวัติอีกใช่หรือไม่ และการรักษาในครั้งนี้ ทางประกันให้สำรองจ่ายไปก่อน ค่ารักษาเกือบ 190,000 บาท ถ้าเป็นแบบนี้แล้วจะซื้อประกันไปเพื่ออะไร ถ้าเป็นตาสีตาสาหรือคนอื่นๆรวมถึงเธอเองก็ไม่ใช่ว่าจะมีเงินสำรองจ่ายเป็นแสนๆได้ ที่ซื้อประกัน ก็เพราะต้องการเซฟเงินตัวเองไง ซ้ำคุยกับคอลเซ็นเตอร์ก็ได้คำตอบ "ยืนยันว่าต้องรอประวัติการรักษาจากแพทย์ค่ะ" และทางคอลเซ็นเตอร์บริการได้แย่มาก ไม่มีขอโทษสักคำ และให้เธอไปคุยกับโรงพยาบาลเอง ซึ่งปัดความรับผิดชอบหมดเลย
กะทิ กล่าวว่าเพิ่มเติมอีกว่า "แล้วที่ซื้อประกันไปเพื่ออะไร ถ้ารู้ว่าเคลมไม่ได้ เราจะได้หาทางอื่น รู้สึกเฟลมาก ทางประกันระบุว่าหากไม่ติดอะไร ได้เงินคืนแน่นอน แต่ขอให้เธอรอก่อน แล้วถ้าเคลมไม่ได้ต้องทำอย่างไร ตนก็ต้องเป็นหนี้ เพราะไปยืมเงินคนอื่นมาจ่ายค่ารักษา เราคือคนเดือดร้อน เพราะต้องไปยืมเงินนัท หิ้วหวี เพื่อให้ตัวเองออกจากโรงพยาบาล และฝากไว้ให้ทุกคนพิจารณาและอ่านรายละเอียดการทำประกันดีๆ"
ขอบคุณ gangkati