จากกรณีที่นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เป็นประธานประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวงยุติธรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และ กรุงเทพฯ เพื่อกำหนดแนวทางการขยายเวลาเปิดสถานบริการตามแนวนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการที่จะออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับพื้นที่ท่องเที่ยว เงื่อนไขที่ต้องดำเนินการในกรณีที่จะกำหนดเป็นเขตพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้เปิดสถานบริการถึงเวลา 04.00 น.ได้
โดยกฎกระทรวงนี้จะเป็นหลักเกณฑ์ทั่วไปที่ทุกพื้นที่ที่มีศักยภาพในภาคการท่องเที่ยว สามารถขอขยายระยะเวลาสถานบริการได้ หากพื้นที่ใด ขออนุญาตเข้ามาและสามารถปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขตามกฎกระทรวง รมว.มหาดไทย จะออกประกาศกระทรวงให้เป็นรายพื้นที่ต่อไป
สำหรับการออกเป็นกฎกระทรวง เพื่อไม่เลือกปฏิบัติว่าภาครัฐไปอนุญาตพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ให้ หากพื้นที่ใด จังหวัดใดมีความพร้อมและปฏิบัติได้ตามที่กฎกระทรวงกำหนด ก็ยื่นขอมาทางมหาดไทย และรัฐมนตรีจะประกาศให้รายพื้นที่ตามความพร้อม
ซึ่งจะสอดรับกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาลที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ไม่ได้เลือกช่วงเวลาหรือเลือกพื้นที่ ขณะเดียวกันก็สามารถบริหารจัดการพื้นที่ได้เพื่อลดผลกระทบที่อาจตามมาจากการขยายเวลาเปิดสถานบริการได้
นางสาวไตรศุลี กล่าวอีกว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้รับทราบหลักการซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบร่วมกันในครั้งนี้แล้ว และได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอน ประกอบด้วย การยกร่างกฎกระทรวง ให้ รมว.มหาดไทยเห็นชอบก่อนนำออกรับฟังความคิดเห็น และเสนอเข้าที่ประชุม ครม.อนุมัติและรมว.มหาดไทยลงนามอีกครั้งก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีผลบังคับใช้ต่อไป
"การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ได้มอบให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางการขยายเวลาการเปิดสถานบริการในพื้นที่ท่องเที่ยวในบางพื้นที่ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หรือไฮซีซั่น"
ซึ่งนายอนุทินได้มอบหมายให้หน่วยงานภายใต้กระทรวง ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยลำดับ เพื่อให้นโยบายกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวดังกล่าวสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม สร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการและประชาชน ขณะเดียวกันก็สามารถบริหารจัดการได้ ดูแลผลกระทบด้านสังคมได้อย่างรอบด้านและเป็นไปตามกฎหมาย