จากกรณีเมื่อวันที่ 3 พ.ย.66 นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการ กรมการปกครอง แถลงกรณี ข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจ จับผับ Level9 เปิดเกินเวลาที่ จ.เชียงใหม่ โดยพบเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองชุดเฉพาะกิจที่ร่วมปฏิบัติการจับผับ เลอเนิฟ ที่เปิดเกินเวลาก่อนหน้านี้ ว่า เป็นการบิดเบือนข้อมูล โดยในวันที่ 1 พ.ย. ชุดปฏิบัติการพิเศษ เข้าจับกุมร้าน เลอเนิฟบาร์ ในเขต สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ และแจ้งให้ ตำรวจเข้าร่วมขยายผล
โดยส่งผู้ต้องหาได้เกือบ 09.00 น. แล้วชุดจับกุม ยกเว้นชุดสืบ 2 คน ที่เราทิ้งเอาไว้ ตามแผนปฏิบัติการเดินทางกลับ กทม. ในวันรุ่งขึ้น โดยใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง นับจากส่งผู้ต้องหา
นายรณรงค์ กล่าวว่า "เราพบว่าเลอเนิฟ เป็นผับเถื่อนไม่ได้รับใบอนุญาต เป็นสถานบริการตามมาตรา 3 มีเยาวชนเข้าใช้บริการ 242 คน พอจับแล้วก็คัดแยกก็ส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี จากนั้นชุดจับกุมนอนพักผ่อนไม่เกิน 3 ชั่วโมงและตีรถกลับ โดยส่งชุดสืบไว้ตามหลักปฏิบัติเพื่อดูไซด์เอฟเฟ็กต์ จะอยู่อีก 2-3 วัน โดยจะเดินทางกลับวันนี้"
นายรณรงค์กล่าวต่อว่า เมื่อคืนทราบว่าชุดสืบเข้าไปในร้านที่ไม่ได้เป็นสถานบริการ แต่เป็นร้านที่อยู่ดาดฟ้า และมีเปิดเพลงที่ไม่ได้เป็นดนตรีสด เมื่อ สภ.ช้างเผือกมาชุดสืบก็แสดงตัว จากนั้น สภ.ช้างเผือก ดำเนินคดีกับเจ้าของร้านกรณีจำหน่ายสุราเกินเวลาที่กำหนด และปรับ 3,000 บาท
ที่เกิดความเสียหาย เพราะมีข้อมูลที่บิดเบือนว่าชุดปฏิบัติการพิเศษไปเลี้ยงฉลองความสำเร็จ เขากลับมาตั้งแต่เมื่อวาน(2 พ.ย.)แล้ว จะมาเลี้ยงฉลองอะไรกัน เรามีงานต่อเนื่อง”
ข้อมูลที่ระบุว่าอนุญาตให้ร้านเปิด ก็ไม่จริง เพราะชุดสืบ 2 คน แยกกันไปคนละร้าน ซึ่งข้อมูลที่ผิดพลาดกระทบกับผู้ประกอบการหลายราย โดยยืนยันจะปฏิบัติการต่อเนื่อง และยืนยันว่าชุดนี้เคลียร์ไม่ได้ แต่เชื่อว่ามีความพยายามหาทางทำลายชุดปฏิบัติการ
สำหรับ กรณีมีสื่อมวลชนบางสำนักนำเสนอข่าวบิดเบือนว่า ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเลี้ยงฉลองความสำเร็จหลังจับ “เลอเนิร์ฟผับ” นั้น ขอชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่เดินทางกลับมากรุงเทพฯ ทีมแรก ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนแล้ว และอีกทีม ในวันที่ 2 พฤศจิกายน แล้วก็ยังนั่งประชุมกันอยู่ที่กรมการปกครอง (วังไชยา) จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการฉลอง จึงขอฝากไปยังสื่อมวลชนบางสำนักที่บิดเบือนข้อเท็จจริง
ขอให้โอกาสท่านแก้ไขข่าว หากท่านไม่แก้ไขข่าวให้ถูกต้องจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด หลังจากวันนี้ (3 พ.ย. 66) เวลา 14.00 น. ท่านได้ทราบข้อเท็จจริงที่ออกจากปากหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองแล้ว ยังไม่มีการแก้ไข หรือนำเสนอข่าวอีกด้านหนึ่ง ก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง”