“ใบเฟิร์นเน็ตไอดอลดังถ่ายแบบเป็นอินฟลูเอนเซอร์ โปรไฟล์ IG ของเธอจึงมีผู้ติดตามกว่า 120,000 คน โพสภาพคู่กับรถหรูและดาราผู้มีชื่อเสียงอีกหลายๆคน สร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนตุ๋นเหยื่อหลอกลงทุน “ร้านตัดผมและร้านทำเล็บ” โดยมีเหยื่อหลงเชื่อร่วมลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ราย ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ก่อนหายเข้ากลีบเมฆ
ผู้เสียหายและทีมงานทนายความชื่อดังประสานขอความช่วยเหลือกับ น .1 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. โดย เกรงว่าจะมีประชาชนเดือดร้อนเพิ่ม จึงสั่งการให้สืบนครบาลเร่งรัดสืบสวนหาตัว จนกระทั่งทราบเบาะแสว่าหนีมาเข้าถ้ำเสือนครบาล อยู่ใน กรุงเทพ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หัวหน้าชุด PCT5 ส่งชุด PCT5 และ สืบนครบาล ตระเวนปลอมตัวเป็นเอเจนซี่แฝงตัวตามคอนโดหรูย่านทองหล่อ กระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ โดยเธอเผยกับชุดจับกุมว่า “ตอนนี้ตนพยายามหา ซื้อของแบบซื้อมาขายไป หวังว่าถ้ามีเงินก็จะนำไปทยอยคืนให้กับผู้เสียหาย”
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ , ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล ,ตำรวจ PCT5 และ พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ ผัดก๋า รอง ผกก.สส.สภ.สันกำแพง จว. เชียงใหม่ กับพวกได้ร่วมจับกุม น.ส.มณฑิรา อินทร์สุวรรณ หรือ “ใบเฟริน” อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85/2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ลำพูน ผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 หมายจับ ดังนี้
1.หมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่ จ.997/2566 ลงวันที่ 5 ต.ค. 66 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” (สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่)
2.หมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่ จ.1073/2566 ลงวันที่ 26 ต.ค. 66 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” (สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่)
โดยกล่าวหาว่า ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
พฤติการณ์กล่าวคือ ตำรวจชุด PCT5 และชุดสืบนครบาล ติดตามไล่ล่า “เน็ตไอดอลดัง อักษรย่อ บ.” หลังเธอได้ตระเวนก่อเหตุ หลอกลวงให้ลงทุน “ร้านตัดผมและร้านทำเล็บ” โดยมีเหยื่อหลงเชื่อร่วมลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ราย ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ด้วยเธอเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาดีและยังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ออกรายการทีวีต่างๆ ถ่ายแบบ เป็นอินฟลูเอนเซอร์ โปรไฟล์ IG ของเธอจึงมีผู้ติดตามกว่า 120,000 คน และในเฟสบุ๊คของเธอยังมีการโพสภาพคู่กับรถหรูและดาราผู้มีเชื่อเสียงอีกหลายๆคน สร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้มาสอดส่องโปรไฟล์เธอเป็นอย่างดี
กระทั่งช่วงต้นปี 2566 ที่ผ่านมาเธอได้เริ่มโพสเชิญชวนให้ร่วมลงทุนเป็นหุ้นส่วนการทำร้านตัดผมและทำเล็บ โดยเสนอเป็นแพ็กเกจต่างๆ ยอดปันผลขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ลงทุน และเมื่อถึงกำหนดก็จะได้เงินปันผล ซึ่งเมื่อเหยื่อหลงเชื่อและตัดสินใจโอนเงินไปร่วมลงทุนกับเธอแล้ว เธอก็ไม่ค่อยตอบข้อความ อ้างว่างานเยอะ ติดงานต่างๆ ส่วนสัญญาที่พิมพ์มาให้เซ็นก็ผิดๆ ถูกๆ หลายครั้ง และเมื่อถึงกำหนดจ่ายเงินปันผลเธอก็จะบ่ายเบี่ยงไม่จ่ายเงิน จนถึงช่วงปลายเดือน มิ.ย. 66 เธออ้างกับเหยื่อว่า บริษัทถูกยักยอกเงิน ทำให้ไม่มีเงินมาคืนให้กับผู้ร่วมลงทุน และหนีหายเข้ากลีบเมฆไป กระทั่งบรรดาเหยื่อที่ร่วมลงทุนกับเธอได้ทยอยเข้าแจ้งความ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับ จำนวน 2 หมายจับ ซึ่งล่าสุดเหยื่อได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่าเจ้าตัวได้หลบหนีมากบดาลในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ เรียกได้ว่าหนีมาเข้าถ้ำเสือนครบาล พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หัวหน้าชุด PCT5 ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัว โดยมีเพียงเบาะแสว่าเธอ “กินหรูอยู่สบายละแวกทองหล่อ” ชุดสืบสวนตระเวนตรวจสอบแต่ยังคงไร้ร่องรอย กระทั่ง พล.ต.ต.ธีรเดชฯ ได้เบาะแสจากสายลับว่าเธอควงหนุ่มอยู่ตามห้างดังในพื้นที่ จ.กรุงเทพ จึงตระเวนกระจายกำลังตามห้างดังทั่วกรุงเทพกว่า 5 วัน กระทั่งวันที่ 8 พ.ย. 66 ชุดสืบสวนที่แฝงตัวอยู่ตามห้างได้พบตัวขณะกำลังเดินหาซื้อชุดว่ายน้ำกับหนุ่มชาวต่างชาติ จึงเข้าแสดงตัวและจับกุมตัวเธอได้ โดยจับกุมตัวได้ที่ ห้างยูเนียนมอลล์ แขวงจอมพล เขตจตุจักร จ.กรุงเทพฯ
ในชั้นจับกุม น.ส.มณฑิราฯ หรือใบเฟริน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยภาคเหนือ เปิดร้านทำเล็บอยู่ จ.เชียงใหม่ ล่าสุดเข้ากรุงเทพมาได้เป็นเวลา 3 สัปดาห์แล้วแต่ไม่ได้เป็นการหลบหนี ในทางคดีตนเองเปิดร้านทำปมและเล็บอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ เห็นว่ามีรายได้ดี จึงได้มาร่วมลงทุนร่วมกัน ร้านกู๊ดคัด โดยร่วมลงทุนรายละ 50,000-1,000,000 บาท และเปิดรับลงทุนร่วมรับจำนำของ จากนั้นนำไปขายเพื่อนำเงินมาแบ่งกัน แต่ช่วงหลังกำไรน้อยมาก และซื้อสินค้ามาขายไม่ค่อยได้ ทำไห้ไม่ได้จ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ร่วมลงทุน ส่วนร้านทำผมเนื่องจากหาช่างไม่ได้ และลูกค้าน้อย ทำให้ไม่มีเงินจ่ายไห้กับผู้ร่วมลงทุน ตอนนี้ตนพยายามหา ซื้อของแบบซื้อมาขายไป หวังว่าถ้ามีเงินก็จะนำไปทยอยคืนให้กับผู้เสีย” หลังจับกุมตัว ได้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา และจะมีการขยายผลการจับกุมโดยละเอียด ซึ่งจากข้อมูลที่ได้วิธีการที่ผู้ต้องหารายนี้ใช้หลอกลวง นั้นเริ่มจากการสร้างโปรไฟล์ให้มีความน่าเชื่อถือ ถ่ายภาพคู่รถหรู หรือดาราผู้มีชื่อเสียงคนอื่นๆ จากนั้นการหลอกลวงจึงทำได้ไม่ยากนัก จึงขอเตือนไปยังพี่น้องประชาชนยุคใหม่ว่า การร่วมลงทุนในโลกออนไลน์นั้นมีความเสี่ยง เพราะในปัจจุบันเหล่ามิจฉาชีพจะแฝงตัวอยู่ในโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก การตรวจสอบความน่าเชื่อถือจากโปรไฟล์ในโลกออนไลน์นั้นยังไม่เพียงพอ จะต้องศึกษาหรือปรึกษาผู้มีความรู้ทางด้านการลงทุนให้ดีก่อน เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อ และขอเตือนไปยังเหล่ามิจฉาชีพทางออนไลน์ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการระดมปราบปรามผู้กระทำผิดทางออนไลน์อยู่ตลอด ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ฉะนั้นผู้ที่ยังทำหรือคิดจะทำขอเตือนว่า มันไม่คุ้มได้คุ้มเสีย เมื่อได้ลงมือก่อเหตุแล้วและมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้วยังไงก็ต้องถูกจับกุม เพียงแต่จะช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง”