วันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ให้การคุ้มครองด้านการรักษาโรคมะเร็งแก่ผู้ ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 โดยไม่มีค่าใช้จ่ายจนสิ้นสุดการรักษา หากเข้ารับการรักษาตามแนวทางที่กำหนด (Protocol) แต่ในกรณีที่ไม่สามารถรักษาตามแนวทางที่กำหนด (Protocol) และมีความจำเป็นที่ต้องให้การรักษาด้วยยารักษาโรคมะเร็งและหรือเคมีบำบัดและหรือรังสีรักษา ให้สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นแต่ไม่เกิน 50,000 บาทต่อรายต่อปี
สำหรับผู้ประกันตน ม.33 และ ม.39 สามารถเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ 20 ชนิด ประกอบด้วย
1. โรคมะเร็งเต้านม
2. โรคมะเร็งปากมดลูก
3. โรคมะเร็งรังไข่
4. โรคมะเร็งมดลูก
5. โรคมะเร็งโพรงหลังจมูก
6. โรคมะเร็งปอด
7. โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ใหญ่ตรง
8. โรคมะเร็งหลอดอาหาร
9. โรคมะเร็งตับและท่อน้ำดี
10. โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
11. โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
12. โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
13. โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันแบบลิมฟอยด์ในผู้ใหญ่
14. โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในผู้ใหญ่
15. โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันชนิดมัยอีลอยด์ในผู้ใหญ่
16. โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันในผู้ใหญ่แบบ Acute Promyelocytic leukemia (APL)
17. โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดมัยอีลอยด์ในผู้ใหญ่
18. โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมัยอีโลมาในผู้ใหญ่
19. โรคมะเร็งกระดูกชนิด Osteosarcoma ในผู้ใหญ่
20. โรคมะเร็งเด็ก
นายคารม กล่าวเพิ่มเติมว่า “รัฐบาลให้ความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตผู้ประกันตน มุ่งยกระดับมาตรฐานการให้บริการครอบคลุมในทุกมิติ เพื่อให้ผู้ประกันได้คลายความกังวลเมื่อเจ็บป่วยสามารถเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาลได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจาก สำนักงานประกันสังคม สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.sso.go.th หรือหากมีข้อสงสัยต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขาทุกแห่ง หรือที่สายด่วน 1506”