เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 จากกรณีกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.วรฉัตร ฉลวยแสง สว.ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล., ร.ต.อ.บุญธรรม สระสำราญ, ร.ต.ท.จรัล ภู่สวัสดิ์, ร.ต.ท.กู้ศักดิ์ ปาละกวงศ์ ณ อยุธยา รอง สว.(ป) ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล. รวบขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว
ร่วมกันจับกุม
ผู้ต้องหาที่ 1 นายฮาวายฯ อายุ 22 ปี
ผู้ต้องหาที่ 2 นายซารีฟฯ อายุ 19 ปี
โดยกล่าวหาว่า "ช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย ให้พ้นจากการถูกจับกุมฎ
ผู้ต้องหาที่ 3-17 ซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าว แบ่งเป็นชาย 6 ราย หญิง 9 ราย รวมเป็น 15 ราย โดยกล่าวหาว่า ฎเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตฎ
พร้อมตรวจยึดของกลาง
1. รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม๊ก สีขาว จำนวน 1 คัน
2. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง
สถานที่จับกุม หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงวังมะนาว ต.วังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี
พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล. (ตำรวจทางหลวงเพชรบุรี) ได้รับแจ้งว่าจะมีการขนย้ายแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย โดยใช้รถยนต์ส่วนบุคคลขับมุ่งหน้าไปยังเส้นทางในพื้นที่ภาคใต้ โดยใช้เส้นทาง ถ.พระราม 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วางกำลังโดยรอบ และออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ออกตรวจพื้นที่มาถึงบริเวณ กม.83-84 ทล.35 (ถนนพระราม 2 ขาออก) ต.วังมะนาว อ.ปากท่อ .ราชบุรี ได้ตรวจพบรถต้องสงสัย จึงได้ขับรถติดตามและให้สัญญาณให้หยุดรถ จากนั้นจึงได้ทำการตรวจสอบ โดยพบนายฮาวายฯ เป็นผู้ขับขี่ และมีนายชารีฟฯ นั่งโดยสารข้างกัน นอกจากนี้ยังพบว่าภายในห้องโดยสารและท้ายกระบะมีคนโดยสารมาด้วยจำนวนหลายคน ซึ่งจากการสอบถามคนที่โดยสารมาด้วย ทั้งหมดไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ เจ้าหน้าที่จึงได้มีการเชิญตัวมาที่หน่วยตำรวจทางหลวงวังมะนาว เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด
จากการตรวจสอบพบผู้โดยสารเป็นชายต่างด้าว จำนวน 6 คน และหญิงต่างด้าว จำนวน 9 คน รวมเป็นจำนวน 15 คน ซึ่งบุคคลต่างด้าวเหล่านี้ไม่มีเอกสารหนังสือเดินทางมาแสดง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสอบถามนายฮาวายฯ และนายชารีฟฯ โดยทั้งสองยอมรับว่า ได้รับว่าจ้างให้มาขับรถเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวจริง โดยได้รับค่าจ้างต่อหัว หัวละ 5,000 บาท
โดยพวกตนได้ไปรับบุคคลต่างด้าวมาจากย่านดอนเมือง และจะพาไปส่งในพื้นที่ จ.นราธิวาส ซึ่งการขนย้ายแรงงานต่างด้างดังกล่าว พวกตนได้รับว่าจ้างมาจากนางกิน สัญชาติมาเลเซีย เพื่อนที่เคยทำงานร่วมกันที่ร้านอาหารในประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งสองคนยังให้การยอมรับอีกว่า เคยลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าวลักษณะนี้มาแล้ว 3 ครั้ง
ในส่วนของบุคคลต่างด้าว ทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานล่ามมาซักถามข้อมูลบุคคล โดยทราบว่าพวกตนได้หลบหนีเข้าเมืองมาจากประเทศเมียนมาร์ โดยผ่านเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ อ.แม่สอด จ.ตาก จากนั้นได้มีรถตู้มารับพาเข้ามาในกรุงเทพฯ และได้เปลี่ยนมานั่งรถกระบะเพื่อจะเดินทางไปยังภาคใต้ ซึ่งปลายทางสุดท้ายคือประเทศมาเลเซีย
ภายหลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากท่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป