ล่าสุด วันที่ 14 พ.ย.66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงปม"ส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก" โดยระบุว่า มาตรการป้องกันเรื่องส่วยรถบรรทุก ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพฯ จะมีการทำงานร่วมกันระหว่าง ตำรวจ เทศกิจ และกรมทางหลวง รวมถึงการชั่งลอยที่ปัจจุบันมี AIเข้ามาช่วย โดยทางเจ้าหน้าที่จะใช้วิธีไปตรวจสอบ แคมป์ก่อสร้างในกรุงเทพฯที่มีกว่า 300 แคมป์โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ซึ่งจะหาจุดไม่ต้องกังวลเรื่องรถติด แต่เชื่อว่า 1 ไซด์งานสามารถชั่งได้เพียง 1 คันเท่านั้น เพราะคันต่อๆไปก็จะไปแจ้งให้พรรคพวกที่เหลือทราบ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชั่งน้ำหนักได้เลยไม่ต้องกังวล อย่างน้อยก็เพื่อสร้างความตื่นตัวให้กับคนอื่นๆ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวว่า
ตอนนี้กำลังดูสถิติในช่วงเวลารถติดที่ ช่วงเวลาที่รถบรรทุกห้ามวิ่ง หรือ บรรทุกน้ำหนักเกิน หากบรรทุกน้ำหนักถูกต้องตามกฎ เพราะสองส่วนนี้อาจเป็นสาเหตุของการเกิดรถติดในกรุงเทพฯ โดยตนได้สั่งการให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้จะมีการตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์เนื่องจากใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่แล้ว โดยจะมีการลงไปตรวจการตั้งด่านตรวจต่างๆอีกด้วยส่วนในเรื่องการจับกุม ตาม พ.ร.บ. ใหม่นั้น แต่เดิมตำรวจทั้งประเทศออกใบสั่งแค่ 54 ใบ เนื่องจากยังไม่มั่นใจเรื่อง พ.ร.บ.เปรียบเทียบปรับทางวินัย ข้อบังคับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ศาลปกครองมีคำสั่งลงมา ก่อนหน้านี้ตนได้มีการประชุมและทำความเข้าใจกับผู้ปฏิบัติงานให้เดินไปในทิศทางเดียวกันแล้ว เพราะหากเจ้าหน้าที่ไม่เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย คริสมาสต์ หรือ ปีใหม่ อุบัติเหตุก็จะเพิ่มมากขึ้น ตนจึงต้องทำความมั่นใจให้กับเจ้าหน้าที่ ดังนั้นการตั้งด่านตรวจ จุดสกัด จึงจะมีเริ่มตั้งแล้ว เพื่อสร้างความตื่นตัวให้กับประชาชน และการตั้งด่านจะต้องไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์
ส่วนเรื่องปัญหาการจราจรนั้น จะต้องเริ่มจากกรุงเทพฯดูว่ามีจุดใดได้รับเรื่องร้องเรียนมากที่สุด ก็จะลงไปแก้ไขที่จุดนั้น ดูว่าติดขัดเพราะอะไร ส่วนหนึ่งมาจากที่ระบบขนส่งสาธารณะมีอยู่น้อย ตำรวจจราจรจึงเป็นปลายเหตุ
ดังนั้นจึงต้องเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ ขณะถ้าตนลงพื้นที่ รอง ผกก.จราจรก็ต้องออกไปด้วย ตนเชื่อว่าอย่างน้อยก็ต้องดีขึ้นกว่าเดิม เพราะมีคนคอยสั่งการให้ทำงานหรือในส่วนที่มีการก่อสร้างแนวรถไฟฟ้า บางที่ก็จะมีการก่อสร้างเสร็จแล้ว ก็จะมีการเจรจาเพื่อขอคืนพื้นที่บางส่วนด้วย