วันที่ 17 พ.ย. 66 (วันนี้) เวลา 9.30 น. ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม นำทีมผู้เสียหายอายุ 30 ปี พร้อมพ่อและแม่ เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (กองปราบปราม) เนื่องจากกรณีที่ได้ไปเข้ารับรักษาอาการกับ อาจารย์เอกฝ่ามือพลังจิต แล้วได้จ่ายเงินไปเป็นจำนวน 5,000 บาท แต่ปรากฎว่าอาการกลับไม่ดีขึ้น จึงรู้สึกเหมือนถูกหลอกลวง อีกทั้งรู้สึกว่าเป็นการอวดอ้างเกินความเป็นจริง จึงได้เข้าร้องทุกข์กับผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค
โดยทางด้านของพ่อของผู้เสียหาย กล่าวว่า ลูกชายมีอาการเดินไม่ได้เนื่องจากตัวของน้องมีอาการสมองสั่งการไม่เต็มที่ ซึ่งน้องก็ได้รับการรักษาอยู่กับแพทย์แผนปัจจุบันมาระยะนึงอยู่ก่อนแล้ว โดยก่อนจะไปรักษากับอาจารย์เอก ตนได้รับข้อมูลผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ว่าอาจารย์เอกสามารถรักษาอาการที่มีความคล้ายคลึงกับลูกชายของตนได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นปวดข้อ ปวดหัวไมเกรน โดยเมื่อตนเห็นดังนั้นก็เริ่มมีความหวังว่าลูกชายของตนจะสามารถกลับมาเดินได้อย่างปกติอีกครั้ง จึงได้ติดต่ออาจารย์เอกไปผ่านช่องทางไลน์ ซึ่งอาจารย์ก็บอกว่าเคสของลูกชายตนนั้นจะต้องมีการรอคิวในการรักษาอาจจะต้องใช้เวลานานจึงได้มีการแนะนำข้อเสนอให้คือ
จะทำให้เป็นเคสกระซิบหรือเคสพิเศษ โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องจ่ายเงินจำนวน 5,000 บาท ถึงจะได้รับการรักษาทันที
เมื่อตนทราบดังนั้นจึงได้ส่งอาการทั้งหมดของลูกชายไปให้อาจารย์เอกตรวจสอบ ด้านอาจารย์เอกก็ยืนยันว่าสามารถรักษาให้หายได้ ตนก็มีความหวังขึ้นมาจึงทำการโอนเงินค่ารักษาไป
ทั้งนี้ ผู้เสียหาย เล่าว่า อาจารย์เอกได้ใช้วิธีการรักษาด้วยการลูบและเป่าศีรษะ รวมถึงมีการหยอดยา ซึ่งหลังการรักษาเสร็จสิ้น ตนไม่ได้รู้สึกถึงอาการที่ดีขึ้น แต่ด้วยความเกรงใจจึงบอกอาจารย์เอกไปว่าอาการของตนดีขึ้นเล็กน้อย ทั้งนี้ยังมีการขายยาประกอบการรักษาให้อีก 2 กระปุก กระปุกละ 650 บาท แต่ตนทานไปแล้ว 1 กระปุกอาการไม่ดีขึ้นแต่อย่างใด
แต่เนื่องจากอาการไม่หายตั้งแต่ครั้งแรกที่รักษา จึงได้สอบถามกับอาจารย์เอกไปว่าจะสามารถขอเงินคืนได้หรือไม่ เนื่องจากมีการเคลมเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า หากรักษาไม่หายจะมีการคืนเงินให้ทั้งหมด แต่ตนกลับได้คำตอบที่บ่ายเบี่ยง เช่น ให้มารักษาในครั้งถัดไปหรือรับยาไปกินเรื่อยๆ อาการก็จะดีขึ้น ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าการรักษาในครั้งต่อไปจะต้องมีการจ่ายค่ารักษาและค่ายาอีกหรือไม่ ตนจึงตัดสินใจไม่รักษากับอาจารย์เอกต่อและเข้ามาร้องทุกข์ในวันนี้