เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ตำรวจ สอท.5 นำหมายค้นศาลอาญาธนบุรี ที่ 584/2566 ลง 16 พ.ย.2566 พร้อมหมายจับศาลอาญา ที่ 212/2563 ลง 13 ส.ค.2563 4170/2566 ลง 14 พ.ย. 2566 เข้าจับกุมตัว นายวีรทัศน์ สันหพาณิชย์ อายุ 45 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ประกันภัยที่ได้ทำการขายข้อมูลลูกค้าให้กับแก๊งมิจฉาชีพ โดยสามารถเข้าจับกุมได้ที่บริเวณหน้าหมู่บ้านกลางเมือง สาทร-ราชพฤกษ์ ซ.ราชพฤกษ์ 6 ถ.ราชพฤกษ์ แขวงบางจาก เขตภาษีเจริญ พร้อมด้วยของกลาง โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมโบรกเกอร์ของบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง ซึ่งได้ลักลอบนำข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าประกันนับล้านรายชื่อไปขายให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ ซึ่งข้อมูลของลูกค้าประกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลลูกค้าประกัน
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า นายวีรทัศน์ ได้รับโอนเงินจากการซื้อขายรายชื่อกันหลายครั้ง โดยการซื้อข้อมูลลูกค้าประกันภัย จะมีราคาราชื่อละ 1,000 บาท จำนวน 2,000 รายชื่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญาธนบุรี และอนุมัติหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่า นายวีรทัศน์ อยู่หมู่บ้านกลางเมือง สาทร-ราชพฤกษ์. เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงได้แสดงหมายค้นจากศาลอาญาธนบุรี และหมายจับ
นายวีรทัศน์ ยอมรับว่า หลังจากช่วงโควิด-19 จึงคิดหาเงินทางลัดที่มีรายได้จากการขายข้อมูลลูกค้า เดือนละ 100,000 บาท ซึ่งตนเองได้ซื้อข้อมูลส่วนบุคคลโดยส่วนใหญ่เป็นคนในวงการขายประกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ ตนเคยเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันภัย โดยทำงานในตำแหน่งซุปเปอร์ไวเซอร์ และมีลูกทีมในสังกัดประมาณ 10 คน แต่ได้ลาออกมาประมาณ 3 ปี และจัดเก็บข้อมูลลูกค้าอยู่ในโทรศัพท์มือถือของตนเอง และตนเองเป็นผู้โพสต์ขายฐานข้อมูลลูกค้าจริง โดยนำมาเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของข้อมูลก่อนจริง ซึ่งตนเองนั้นได้ไปซื้อไฟล์ฐานข้อมูลลูกค้ามามีทั้งคนดังหลายคนเช่น นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าว มีทั้งคนมีชื่อเสียง คนบันทึก และนักธุรกิจ แต่ก็มีข้อมูลที่ได้มามีข้อมูลตรงบ้าง และข้อมูลไม่ตรงก็มี
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา นายวีรทัศน์ โดยระบุข้อหาว่า ล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ นำไปเปิดเผยแก่ผู้อื่น เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.5 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป