จากเหตุการณ์กรณี เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 1 ธ.ค.66 เกิดเหตุรถประจำทาง สาย 40 เสียหลัก พุ่งชนรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ บนถนนพญาไท บริเวณตรงข้ามจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หน้าแยกมาบุญครอง ส่งผลให้รถยนต์ รถแท็กซี่ รถจักรยานยนต์ รถสามล้อรับจ้าง รวมทั้งหมดกว่า 20 คัน ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้พบผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 4 คน เจ้าห้นาที่ตำรวจและอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู เร่งให้การช่วยเหลือ และนำตัวคนเจ็บส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง
ทั้งนี้ตำรวจนครบาลปทุมวัน เร่งลงพื้นที่ตรวจพร้อมประสานรถยก เพื่อเปิดเส้นทางการจราจรอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นมีรถชนกันจำนวนหลายคัน ส่งผลให้การจราจรบนถนนพญาไท ต่อเนื่องถนนพระรามสี่ ขาเข้าติดขัดเป็นอย่างมาก โดยใช้เวลาทั้งหมดกว่าประมาณ 1 ชั่วโมง จึงจะสามารถเปิดเส้นทางสัญจรได้เป็นปกติ ส่วนผู้เสียหายทั้งหมดรวมถึงพนักงานขับรถโดยสารประจำทางตำรวจเชิญตัวไปที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวันเพื่อสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
นายอำพร เดชอาจ (คนขับรถแท็กซี่)ที่ได้รับความเสียหาย เล่าให้ทีมข่าวฟังว่าขณะเกิดเหตุเป็นช่วงที่อาการจราจรติดขัด ก็มีรถโดยสารประจำทางสาย 40 พุ่งเข้ามาชนท้ายอย่างแรง ก่อนที่จะดันรถของตัวเองไปชนรถคันอื่นๆที่จอดอยู่ใกล้เคียงกัน จนทำให้มีผู้เสียหายจำนวนหลายคัน เมื่อสอบถามพนักงานขับรถโดยสารประจำทาง ได้บอกเพียงสั้นๆว่ามีปัญหาในเรื่องระบบเบรค ทำให้ไม่สามารถหยุดรถได้ก่อนพุ่งชนรถคันที่จอดอยู่ข้างๆ
นางสาวปรรณพัชร์ พิพัฒธีระมงคล (ผู้ได้รับบาดเจ็บ) ได้เดินทางออกจากโรงพยาบาลมายังสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน เพื่อให้การณ์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติม โดยระบุว่า ในช่วงเกิดเหตุขณะกำลังเดินทางกลับบ้าน รถติดอยู่บนถนนพญาไทได้ยินเสียงดังมาจากรถคันข้างหลังก่อนที่รถของตัวเองจะถูกชนมาเกือบทุกทิศทาง ทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าขวา เนื่องจากถูกอัดติดกับตัวรถไม่สามารถออกจากรถได้ในขณะนั้น อีกทั้งรถของตัวเองเกิดหม้อน้ำแตกทำให้เกิดควันบริเวณห้องเครื่องรถยนต์ ยิ่งทำให้รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่กู้ภัยจะเข้ามาช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลในที่สุด
พ.ต.อ.จิรพัฒน์ พรหมสิทธิการ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 รักษาราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน เผยว่า จากการสอบปากคำพนักงานขับรถโดยสารสาย 40 เบื้องต้นให้การว่า เพิ่งขับรถเมล์ไฟฟ้าได้ 2 เดือนระวังเกิดเหตุเกิดตกใจจึงพยายามเหยียบเบรค แต่เผลอไปเหยียบคันเร่ง จนทำให้รถพุ่งไปจอดรถคันที่จอดติดการจราจรอยู่ด้านหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้คนขับมีประสบการณ์ขับรถโดยสารประจำทาง NGV มานานกว่า 20 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวไปตรวจวัดแอลกอฮอล์ พร้อมทั้งตรวจสอบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บและได้รับเสียหายทั้งหมดจำนวนกี่ราย
เบื้องต้นพิจารณาแจ้งข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ เอารถมีประกันประเภท 3 ส่วนค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ทางบริษัทรถโดยสารประจำทางมีประกันประเภท 3 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างประกันรถคันอื่น ๆ ของผู้เสียหาย เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ทางด้าน บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ได้ทำหนังสือชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า สาเหตุของการชนครั้งนี้ โดยระบุว่า
ทางบริษัทได้ตรวจสอบหลักฐาน พร้อมสอบถามข้อมูลกับพนักงานขับรถวัย 60 ปี แล้ว และได้ยอมรับว่า เผลอเหยียบคันเร่ง แทนการเหยียบเบรกรถ ทำให้รถเกิดพุ่งไปกระทบกับรถด้านหน้า จนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว โดยตัวรถนั้นไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด ทางบริษัทฯ จะดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียด และลงโทษพนักงานขับรถตามมาตรการขั้นเด็ดขาด พร้อมกำชับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงระบบการให้บริการที่ดีขึ้น ด้วยการคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ ด้านการช่วยเหลือช่วงเวลาเกิดเหตุ ทางบริษัทได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในทันที เพื่อรักษาตัวในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด พร้อมประสานประกันภัยเข้าดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ขณะเดียวกันทางบริษัท ขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมขอแสดงความรับผิดชอบ ดูแลค่าเสียหายให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบทุกรายอย่างเต็มที่