หมอกฤตไท ฝากคำพูดสุดท้าย เตือนใจทุกคนให้คิดก่อนสาย ก่อนจากไปไม่มีวันกลับ

06 ธันวาคม 2566

"หมอกฤตไท" ฝากคำพูดสุดท้าย เตือนใจทุกคนให้ได้คิดถึงชีวิตที่ต้องใช้ให้คุ้มและมีความสุขกับมันในทุกๆวัน ก่อนจากไปไม่มีวันกลับ

จากกรณีข่าวเศร้าการเสียชีวิตของ "นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล" หรือ "หมอกฤตไท" เจ้าของ เพจ สู้ดิวะ หมอหนุ่มที่ป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 4  โดยทางด้านพ่อของหมอกฤตไทอออกมาแจ้งข่าวเศร้า ว่าหมอกฤตไทได้จากไปแล้วในวัย 29 ปี  หลังต่อสู้กับอาการป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้ายอย่างเข้มแข็ง ทั้งยังมีการเปิดเพจสู้ดิวะเพื่อเป็นกำลังใจให้แก่คนที่กำลังเผชิญโรคมะเร็งเหมือนหมอกฤตไท

 

หมอกฤตไท ฝากคำพูดสุดท้าย เตือนใจทุกคนให้คิดก่อนสาย ก่อนจากไปไม่มีวันกลับ

 

 

โดยทางด้าน  เพจสู้ดิวะ ของหมอกฤตไทย ได้เผยเรื่องราวและคำพูดสุดท้ายของคุณหมอเอาไว้ โดยได้ระบุข้อความว่า

สวัสดีครับ

หลายๆท่านคงได้ทราบเรื่องการจากไปของหมอกฤตไทเมื่อช่วงเช้าวันนี้แล้วตั้งแต่คุณหมอไทรู้ว่าตัวเองป่วยเมื่อช่วงปีที่แล้วคุณหมอมีความตั้งใจที่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้มีค่ากับคนรอบข้างมากที่สุด พวกเราได้สร้างเพจ ‘สู้ดิวะ’ นี้ขึ้น เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวแนวคิดต่างๆที่หมอไทได้ตกตะกอนในช่วงที่ต้องต่อสู้กับโรคร้ายผ่านมาจนถึงตอนนี้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับสังคม นั้นเกินกว่าที่หมอไทและพวกเรากลุ่มเพื่อนสนิทหวังไว้ไปมาก หลายท่านได้มีโอกาสกลับมาทบทวนแนวทางการดำเนินชีวิต หลายท่านได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวในฐานะผู้ป่วยระยะสุดท้าย และหลายท่านกลับมามีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปจากการที่ได้อ่านโพสต์ของคุณหมอ

หมอกฤตไท ฝากคำพูดสุดท้าย เตือนใจทุกคนให้คิดก่อนสาย ก่อนจากไปไม่มีวันกลับ

นอกจากจะได้แบ่งปันสิ่งต่างๆให้กับคนรอบตัว เพจนี้ยังเป็นเสมือนกำลังใจในการใช้ชีวิตให้กับคุณหมออีกด้วย หลายครั้งที่หมอไทท้อแท้หรือหมดกำลังใจจากการรักษาที่แสนทรมาน สิ่งหนึ่งที่คอยเป็นกำลังใจให้หมออยู่เสมอ ก็คือเรื่องราวของผู้ติดตามเพจ ‘สู้ดิวะ’ ที่ได้รับอะไรบางอย่างจากข้อเขียนของหมอไท

   ตอนนี้เพจ ‘สู้ดิวะ’ ได้บรรลุจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้เรียบร้อยแล้วในฐานะเพื่อนของคุณหมอไท ที่ได้ร่วมช่วยดูแลเพจนี้มาตลอด พวกเราอยากจะขอขอบคุณทุกคน ที่อยู่เป็นกำลังใจให้กันมาจนถึงวันนี้ หลังจากนี้ถึงแม้จะไม่มีโพสถัดไปจากคุณหมออีกแล้ว แต่พวกเราหวังว่าแนวคิดและแรงบัลดาลใจที่คุณหมอได้สร้างไว้ จะถูกพูดถึง ส่งต่อ เป็นพลังให้กับผู้คนในสังคมต่อไป ขอบคุณทุกคนมากๆครับ

แม็ก, ศีล, แก๊ป

แอดมินเพจสู้ดิวะ

  • “บทส่งท้าย จากคุณหมอกฤตไท” ถ้าจะให้สรุปบทเรียนจากน้องมะเร็งในช่วงที่อยู่ด้วยกันมาคงสรุปได้ว่า “ชีวิตไม่แน่นอน สุดท้ายเราทุกคนจะต้องตาย จงอยู่กับปัจจุบัน ใช้แต่ละวันให้เหมือนวันสุดท้าย ถ้ามีอะไรที่ทำเพื่อคนอื่นได้ ก็แบ่งปันความโชคดีให้เขาบ้าง และไม่ว่าชีวิตจะเลวร้ายแค่ไหน อย่าหมดหวังกับชีวิตเด็ดขาด”

หมอกฤตไท ฝากคำพูดสุดท้าย เตือนใจทุกคนให้คิดก่อนสาย ก่อนจากไปไม่มีวันกลับ

มาคิดดูดีๆ ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดูผิดปกติเหมือนกันนะครับ ที่ผมจะต้องมาตายก่อนที่จะแก่ เมื่อก่อนผมดูแลตัวอย่างดี เพื่อที่จะให้ตอนแก่ไม่เป็นโรคเรื้อรังอย่าง เบาหวาน ไขมัน ความดัน ผมอยากเป็นคนแก่ที่ผมหงอกแต่มีกล้าม สุขภาพแข็งแรง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีโอกาสไปถึงวันนั้นเสียแล้ว ยอมรับว่ามันก็รู้สึกเจ็บปวดจริงๆ แต่ก็นี่แหละครับ ชีวิต ชีวิตที่แสนเปราะบาง ชีวิตที่เราเคยเข้าใจผิดไปว่าเรามีสิทธิ์ในการจะบงการมันไปอีกยาวนาน ผมรักชีวิตของผมตอนนี้มาก ผมรักทุกคนรอบตัวผม รักทุกอย่างที่ผมมี รักทุกสิ่งที่ผมเป็น แน่นอนว่าผมไม่อยากจากไป แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้

  • ผมหวังว่าเรื่องของผมจะช่วยให้คุณกลับมามองชีวิตตัวเองแล้วฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมาเป็นโรคร้ายแบบผม กับตัวเอง ตั้งแต่ป่วยมา ผมเลิกให้ความสำคัญกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเรื่องน่าหงุดหงิด เรื่องน่ากังวลไร้สาระที่เมื่อก่อนผมให้ความสำคัญกับมันเสียมากมาย ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องรอให้ป่วย คุณก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจเรื่องไร้สาระพวกนั้นได้ตอนนี้เลย
     

วันนี้คุณอาจกำลังทำงานเกินเวลา คุณอาจหัวร้อนที่ตีบวกไม่ติด คุณอาจหมดใจกับองค์กร คุณอาจหงุดหงิดพุงย้อยๆ ของตัวเอง คุณอาจไม่พอใจที่ตอนไปดัดผมออกมาแล้วหยิกเกินไป คุณอาจอยากให้ซิกแพ็คคุณชัดกว่านี้สักหน่อย หรือ อาจกำลังรำคาญสิวบนใบหน้า เรื่องไร้สาระพวกนี้ ช่างหัวมันเถอะครับผมเคยสนใจเรื่องพวกนี้มากพอๆ กับคุณแหละครับ แต่เชื่อผมเถอะ คุณจะไม่คิดถึงมันเลย ถ้าคุณกำลังจะตาย

 

พอเราไม่ต้องเสียเวลาให้กับเรื่องเล็กๆ พวกนั้นแล้ว คุณจะมีสมาธิมากพอที่จะโฟกัสกับอาหารตรงหน้า โฟกัสกับการวิ่ง โฟกัสกับอากาศบริสุทธิ์ที่คุณยังสามารถหายใจเอามันเข้าไปในปอดของคุณได้ โดยไม่มีอาการเจ็บหน้าอกแบบผม คุณลองมองความสวยงามของธรรมชาติ มองรอยยิ้มของคนรอบข้าง และเสียงหัวเราะของคนที่คุณรัก มันพิเศษมากๆ เลยที่คุณยังทำสิ่งเหล่านี้ได้

ผมเห็นคนบ่นว่ามันยากแค่ไหนที่จะไปออกกำลังกาย เงื่อนไขต่างๆ ที่ทำให้เขาไม่สามารถดูแลร่างกายตัวเองได้ ให้ตายเถอะ ผมอยากไปออกกำลังกายมากๆ คุณควรดีใจนะ ที่คุณยังไปออกกำลังกายได้ ดังนั้น ไปเถอะครับ ออกไปดูแลสุขภาพตัวเองในตอนที่คุณยังทำได้ แม้ว่ารูปร่างของเราจะยังไม่ใช่แบบที่เราต้องการ แต่การออกกำลังกายและกินอาหารที่เป็นประโยชน์ มันก็เป็นสิ่งที่ดีที่เราควรทำจริงๆ ครับ สิ่งสำคัญนอกจากการดูแลร่างกายคือการดูแลสุขภาพจิตของเรา ปัจจุบันเราอยู่ในโลกที่สังคมออนไลน์ที่น่ากลัวมาก และที่สำคัญกว่านั้นคือสังคมรอบข้างตัวคุณ เราเปลี่ยนความคิดคนรอบข้างไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนตัวคนรอบข้างเราได้ครับ เราไม่จำเป็นต้องทนอยู่กับคนที่ทำให้ชีวิตเราแย่ลง หรือคนที่เราไม่ได้อยากอยู่ด้วย เลือกสังคมให้ชีวิตตัวเองดีๆ

ผมเห็นผู้คนที่ไม่อยากให้ถึงวันจันทร์ คนที่ยอมอดทนทั้งที่มีสิทธิ์เลือก คุณไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อทำงานครับ ชีวิตคุณไม่ได้ยาวนานพอที่จะอยู่อย่างฝืนทน เลือกที่จะปฏิเสธสิ่งที่คุณไม่ต้องการ อย่าไปใช้เวลาของคุณเพื่อความฝันของคนอื่นครับ

จำไว้ว่าถ้ามีเรื่องไหนที่คุณไม่โอเคกับมัน คุณมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะเปลี่ยนแปลงมัน ทั้งเรื่องงาน ความรัก หรืออะไรก็ตาม คุณต้องกล้าที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตคุณเอง คุณจะไปทนทำไม คุณอาจบอกว่า “ทนไปแล้วค่อยเปลี่ยน” แต่คุณไม่รู้ว่าหรอกว่าคุณเหลือเวลาบนโลกนี้อีกเท่าไหร่ ดังนั้น อย่าเอาเวลาชีวิตที่แสนจำกัดนี้ไปใช้กับสิ่งที่คุณไม่ชอบเลยครับ แค่ทำสิ่งที่ชอบ เวลาก็ไม่พออยู่แล้ว

ให้เวลากับคนรักของคุณ กับเพื่อน กับครอบครัว กับคนที่รักคุณ กับคนที่มีความสำคัญกับชีวิตคุณ มากกว่าภาระ การงาน ตำแหน่ง และเงินทองเถอะครับ ผมหวังว่าคุณจะหันมาขอบคุณความปกติในชีวิตคุณให้มากขึ้น

ทุกคืนที่คุณล้มตัวลงนอนแล้วนอนหลับได้ การที่คุณไม่ต้องฝันถึงท่อช่วยหายใจ ทุกวันที่คุณตื่นขึ้นมาแล้วไม่ได้หายใจแล้วเจ็บ ไม่ได้มีอาการหอบเหนื่อย ถ้าคุณไม่ได้มีอาการปวดกระดูกทุกครั้งที่คุณขยับตัว หรือคุณไม่ต้องมากลัวว่าวันไหนที่ตื่นมาแล้วคุณจะมองไม่เห็น เดินไม่ได้ พูดไม่ชัด ขยับแขนขาไม่ได้ ในขณะที่ผมเขียนข้อความนี้อยู่ ผมปวดกระดูกและเจ็บเส้นประสาทมาก ผมมีอาการเหมือนโดนน้ำร้อนลวกที่หลัง และโดนมีดแทงที่ลำตัวข้างขวาตลอดเวลา ผมต้องกินยาแก้ปวดมหาศาลเพื่อให้ผมยังเขียนข้อความนี้ได้

ขอบคุณชีวิตที่แสนปกติของคุณเถอะครับ แล้วใช้มันให้เต็มที่กับทุกวันที่โลกนี้มอบให้กับคุณ ชีวิตที่ปกติและธรรมดาในแต่ละวันของคุณมันคือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว คุณไม่มีทางรู้เลยว่าพรุ่งนี้คุณจะตื่นมาแล้วมีทุกอย่างแบบที่คุณมีวันนี้อยู่ไหม วันก่อนที่ผมจะได้รับการวินิจฉัย ผมก็คิดเหมือนทุกคนแหละครับ ว่าคงไม่ใช่ผมหรอกที่ต้องมาเป็นผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ดังนั้น อย่าทำอะไรให้ต้องมาเสียใจทีหลังเลยครับ

ใช้ช่วงเวลาที่คุณมีให้มีความสุขไปกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เพราะมันพิเศษ เราโชคดีมากที่ยังได้มีโอกาสมาเจอช่วงเวลานี้ และมันอาจเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ อย่าเอาแต่ยกมือถือขึ้นมาถ่ายเพื่อเอาไปอวดคนอื่นว่าตัวเองกำลังมีความสุข อย่าเอาความสุขไปแขวนกับความคิดคนอื่นที่ไม่ได้มีความหมายอะไรกับคุณ กลับมาดื่มด่ำกับภาพตรงหน้า กับผู้คนตรงหน้าคุณ กับมื้ออาหารที่คุณได้กิน แล้วรับความสุข ณ ขณะนั้นไปเลย คุณเลือกได้ครับ ที่จะมองเรื่องราวทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตเป็นของขวัญ

ตอนไปญี่ปุ่น ผมได้มีโอกาสไปที่ ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ (Universal Studio) ได้ไปในโซนของ แฮร์รี พ็อตเตอร์ พร้อมกันกับพีม พีมได้ซื้อของฝากที่เป็นเครื่องรางย้อนเวลาในหนังกลับมา พีมพูดกับผมว่า มันคงจะดี ถ้าเราย้อนเวลาได้ ผมจับมือและสบตากับพีมอย่างจริงจัง พร้อมกับบอกว่า “เค้าไม่อยากย้อนเวลาหรอก”

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว ทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิตเค้าทั้งดีและร้าย รวมถึงการที่เราทั้งคู่ต้องมาเผชิญกับโรคมะเร็งนี้ มันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมทั้งหมด ถ้าย้อนเวลาไปแล้วแก้ไขบางสิ่ง บางอย่างที่เคยเกิดขึ้นอาจจะไม่เกิดก็ได้ ถ้าย้อนเวลาไปแล้วหาทางทำให้ตัวเองไม่เป็นมะเร็ง ความรู้สึกขอบคุณชีวิตในวันนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ ผมก็ยังอาจจะวิ่งไล่ตามทุนนิยมเอาแต่อยู่กับอนาคตจนลืมใช้ชีวิตในปัจจุบันแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้ก็ได้”

มีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับสวนสนุกอยู่ครับ มีคนไปถามเจ้าหน้าที่สวนสนุก ว่าวันนี้สวนสนุกปิดกี่โมง เจ้าหน้าที่ตอบว่า สวนสนุก เปิดถึงสองทุ่ม

ตรงนี้น่าสนใจมากครับ เพราะตอนแรกที่ผมทราบตัวเลขจากงานวิจัยว่าผมจะมีเวลาเหลืออยู่บนโลกนี้นานเท่าไหร่ ถ้าผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า “อีกนานเท่าไร ผมจะตายนะ” ผมก็คงจะซึมเศร้าและเอาแต่นั่งนับถอยหลังชีวิตตัวเอง เอาแต่นั่งคิดว่าเวลาผมลดลงทุกวัน

แต่จากข้อคิดในเรื่องการปิดของสวนสนุก ที่ไม่ได้มองว่าสวนสนุกจะปิดเมื่อไหร่ แต่กลับมองว่ายังเปิดถึงเมื่อไหร่ เป็นการมองจากจุดที่ยืนอยู่ในปัจจุบัน ไปยังอนาคตข้างหน้า ว่ายังเหลือเวลาแห่งความสุขได้อีกตั้งเท่าไหร่

ดังนั้น ผมจึงมีชีวิตแต่ละวันนับไปข้างหน้า วันนี้ได้เพิ่มมาอีกวัน วันนี้ได้เพิ่มมาอีกวัน แบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมไม่รู้และไม่มีใครรู้ ว่าสวนสนุกของผมจะปิดเมื่อไหร่ แต่ถ้าวันนี้ไฟยังสว่างและม้าหมุนยังคงทำงาน ผมจะมีความสุขไปกับช่วงเวลาที่ผมมีอยู่ครับ ทุกท่านก็เช่นกัน

หมอกฤตไท ฝากคำพูดสุดท้าย เตือนใจทุกคนให้คิดก่อนสาย ก่อนจากไปไม่มีวันกลับ