ดับกลาง สน.! ชายวัย 45 ปี เสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ ขณะนั่งรอแจ้งความบนโรงพัก

    วันที่ 7 ธ.ค. 66 เกิดเรื่องสลดขึ้นกลาง สน.บางเขน โดยระหว่างที่ พ.ต.ท.สมพร สะตะ สว.(สอบสวน) สน.บางเขน ปฏิบัติหน้าที่อยู่ ได้มีชายอายุ 45 ปี เดินทางมาเพื่อแจ้งความร้องทุกข์   โดยในขณะนั่งรอคิวที่โซฟานั้น จู่ๆชายรายดังกล่าวได้เสียชีวิตแบบไม่ทราบสาเหตุ จากการตรวจสอบไม่พบเอกสารใดๆติดตัว และตามร่างกายไม่พบบาดแผล  เบื้องต้นได้นำร่างส่งไปชันสูตรที่ รพ.ภูมิพล เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป

   จากการสอบถาม นายวิรัช เปลี่ยนเจริญ อายุ 65 ปี เปิดเผยว่า ตนกับนายตุ๋ย (ผู้เสียชีวิต) รู้จักกันมานานและเพิ่งจะมาทำงานกับตนได้ 3 เดือน ก่อนหน้าเคยทำงานเป็นช่างเคาะพ่นสี ของอู่แห่งหนึ่ง ในซอยรามอินทรา 19 แยก 11 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. เป็นคนไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีสมบัติอย่างเดียวคือจยย.ฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 สีน้ำเงิน ทะเบียน ลงว 161 กรุงเทพมหานคร และมักจะนอนตามริมถนน ป้ายรถเมล์ ศาลเจ้าพ่อเสือ
 

     นายวิรัช กล่าวต่ออีกว่า เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ผู้ตายได้บ่นกับตนว่าปวดและจุกหน้าอก ตนจึงได้สอบถามจนทราบว่าถูกลูกชายเจ้าของอู่และเพื่อนรุมทำร้ายร่างกายไม่ทราบสาเหตุ ตนจึงบอกให้ไปแจ้งความแล้วไปหาหมอ แต่ผู้ตายไม่ไปเนื่องจากไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่โต ซึ่งที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้มาแล้ว 1 ครั้ง ตนจึงหวาดกลัวว่าจะถูกทำร้ายด้วยจึงจะลาออกมา ส่วนผู้ตายก็จะลาออกตามให้เหตุผลว่าลุงไม่อยู่ผมก็ไม่อยู่ จากนั้นจึงออกพร้อมกันในคืนนั้น ตนจึงยึดอาชีพขับแท็กซี่ ส่วนผู้ตายไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร โดยทุกเช้าตนจะขับแท็กซี่ตระเวนหาเพื่อเอาข้าวไปให้ 

    จนกระทั่งวันที่ 7ธ.ค.66 (วันนี้) เวลาประมาณ 10.00 น. ได้โทรไปถามผู้ตายและไปเจอบริเวณปากซอยเทพรักษ์ 42 ถ.เทพรักษ์ แขวงบางเขน เขตสายไหม กทม.บอกว่าจุกอกมากหายใจลำบาก และมีอาการซึมผิดปกติ ตนจึงพาขึ้นรถมาส่งโรงพักเพื่อแจ้งความแล้วจะเอาเอกสารไปตรวจร่างกายโรงพยาบาล เมื่อมาถึงมีคนจำนวนมากรอแจ้งความอยู่จึงนั่งรอคิวบนโซฟา และเห็นผู้ตายค่อยๆหลับไปทีแรกคิดว่าคงเหนื่อยไม่มีอะไร เมื่อถึงคิวพนักงานสอบสวนเรียกตนพยายามปลุกแต่กลับพบว่าเสียชีวิตแล้ว จากการที่รู้จักผู้ตายมาเป็นคนดื่มสุราบ้างไม่เคยมีเรื่องกับใคร

     เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นลูกชายอู่รถตามที่พยานให้การไว้มาสอบปากคำหากพบว่ามีการทำร้ายจริงก็จะดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป