หลายคนที่อยู่ในพื้นที่กทม. ก็คงได้เห็นแล้วว่าในช่วงนี้มี ฝุ่น PM 2.5 หนาเหมือนหมอกจนเห็นได้ชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่าหาก PM 2.5 มีค่าเกินมาตรฐานก็จะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจและยังกระทบถึงดวงตาได้อีกด้วย เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวล่าสุด "หมอแล็บแพนด้า" ได้ออกมาโพสต์ภาพปอด "หมอกฤตไท" พบปอดข้างขวาหายไปกว่าครึ่ง พร้อมย้ำเตือนอันตรายจากมลพิษทางอากาศและความร้ายกาจของฝุ่น PM 2.5 พร้อมข้อความระบุว่า
ภาพนี้เป็นภาพปอดของคุณหมอกฤตไท ที่ปอดข้างขวาหายไปครึ่งนึง
จำได้มั้ยครับ หมอเคยโพสต์เตือนเรื่องมลพิษทางอากาศ และ PM 2.5 ซึ่งตอนนั้นหมอเคยตั้งคำถามเรื่องอากาศที่เราหายใจเข้าไปว่าไม่มีจัดลำดับความสำคัญ หรือให้น้ำหนักกับการแก้ไขปัญหาที่แหล่งกำเนิดของ PM2.5 อย่างจริงจังมากพอ ต้องมีหน่วยงานขึ้นมาเพื่อร่วมมือกันแก้ปัญหานี้ คนเก่งๆในประเทศเรามีเยอะแยะ งบประมาณเราก็มี นักการเมืองก็มี นักวิชาการก็มี
แต่ประเทศไทยก็ยังติดอันดับปัญหาฝุ่นในระดับโลกติดต่อมาหลายปี ยังไม่เห็นความชัดเจนในการหาต้นตอของปัญหาและลงลึกถึงสาเหตุและแหล่งกำเนิดหลักของฝุ่น PM2.5 เพื่อแก้รากเหง้าปัญหาอย่างตรงจุดและยั่งยืน หมอแกเคยว่าไว้แบบนี้
วันนี้ก็ยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมเหมือนเดิมครับ พอเช้าขึ้นมาหลายคนยังโพสต์ภาพฝุ่นหนาอย่างกะหมอก เราทุกคนรู้ว่าฝุ่นพิษ PM 2.5 มันคือฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน มีผลเสียต่อสุขภาพอย่างมาก ซึ่งอยู่คู่กับประเทศไทยมาหลายปี และมันจะมาเป็นฤดูกาล ตั้งแต่หน้าหนาวยาวข้ามปีไปหน้าร้อน
ความร้ายกาจของ PM 2.5 คือ มันไม่ได้มาตัวเปล่า แต่ดันเอาเพื่อนอย่าง สารปรอท แคดเมียม โลหะหนักอื่นๆ และพวกสารก่อมะเร็งอีกมากมายติดมาด้วย
PM 2.5 สามารถทำให้เราเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดได้จริง ซ้ำร้ายยังสามารถเหนี่ยวนำให้เป็นมะเร็งชนิดอื่นๆได้อีกด้วยนะครับ
ป้องกันตัวเองไว้ก่อนดีสุดนะครับ เพราะตอนนี้ปัญหาฝุ่นยังคงมีอยู่ พอถึงจุดที่เราป่วยเข้าจริงๆ เงินทองอะไรทั้งหลายก็ไม่มีค่า การได้มีชีวิต ใช้ชีวิต และไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ มันคือดีที่สุดแล้ว
ตอนนี้ยังเป็นคำถามอยู่ว่า ถึงเวลาที่เราจะช่วยกันแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังแล้วหรือยัง