เรียกว่าเป็นคดีที่หลายคนกลับมาาจับตามองกันอีกครั้งสำหรับ คดีน้องชมพู่ ที่ล่าสุดศาลจังหวัดมุกดาหาร มีนัดอ่านคำพิพากษา นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 , 317 วรรคแรก ฐานกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 10 ปี , ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันสมควร จำคุก 10 ปี รวมคุกลุงพล รวม 20 ปี ส่วนทางด้าน นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา
โดยทางด้าน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. หนึ่งในคณะทำงานชุดคลี่คลายคดี น้องชมพู่ ได้ออกมาสรุป
สาระสำคัญที่เป็นพยานหลักฐานสำคัญได้ทั้งหมด 8 ข้อ ดังนี้
1.เส้นทางที่ยากลำบากเกินความสามารถของน้องชมพู่ มีเนินชันมากกว่า 60 องศา ขวางกั้นในทุกเส้นทาง
2.พลังงานจากอาหารมื้อสุดท้าย ที่น้องชมพู่รับประทานไปไม่เพียงพอต่อการเดินไปบนจุดพบศพ
3.ประสบการณ์ชาวบ้านยืนยันว่า เด็ก 3 ขวบ จะปีนป่ายไปถึงได้แค่ชั้นที่ 2 ของภูเหล็กไฟเท่านั้น
4.กรณีศึกษาการหลงป่า ของ ชาวบ้านกกตูม ชาวบ้านสามารถหาได้เจอภายในคืนเดียว
5.แพทย์ผู้ชันสูตรและกุมารแพทย์ ยืนยืนว่า พัฒนาการของเด็กอายุ 3 ขวบ ไม่สามารถที่จะเดินขึ้นไปเองได้
6.สภาพศพที่เปลือยกาย ซึ่งบิดาและมารดาของน้องชมพู่ยืนยันว่าน้องชมพูไม่สามารถถอดเสื้อเองได้
7.พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ที่ตรวจพบเส้นผมน้องชมพู่ถูกตัดด้วยมีด เชื่อได้ว่าเป็นการกระทำของบุคคลอื่น
8.นิสัยส่วนตัวของน้องชมพู่ กลัวที่สูง และกลัวป่า ที่ผ่านมาของน้องชมพู่ไม่เคยไปในป่าหลังบ้านเลยสักครั้ง
อย่างไรก็ตาม คำตัดสินดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์การทำงานของชุดคลี่คลายคดี ที่ทำทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสืบสวน การสอบสวน รวมถึงการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดนำส่งศาลเพื่อสืบพยานในชั้นศาล ทั้งนี้ ล่าสุดทีมข่าวไทยนิวส์ออนไลน์ ด้รับรายงานเพิ่มเติมว่า ศาลมุกดาหารให้ประกันตัวลุงพลหลักทรัพย์ 5 แสนบาท ยื่นอุทธรณ์สู้คดี