จากกรณีที่ญาติคคาใจ กรณีสาววัย 25 ปี เสียชีวิตหลังจากไปถอนฟัน 2 ซี่ ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบุรี โดยป้าของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมา หลานสาวมีอาการแก้มขวาบวม และปวดฟันอย่างหนัก จึงเดินทางไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่ได้ถอนฟันกรามให้ 2 ซี่ หลังจากนั้นให้กลับมาที่พักฟื้นบ้าน
แต่แก้มของหลานยังบวมมาตลอด กินอาหารไม่ได้ จึงกลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ก่อนให้ยาแก้ปวดมากินแต่ไม่หาย ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเดิมตรวจพบว่าหลานเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว จึงตัดชิ้นเนื้อแก้มที่บวม และส่งตัวไปตรวจหามะเร็งที่ รพ.ราชบุรี
หลังจากนั้นทาง รพ.ราชบุรี แจ้งญาติว่าหลังรับหนังสือส่งตัวน้องมา ยังหาสาเหตุที่จะรักษาหลานไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าเป็นอะไร ทาง รพ.ราชบุรี จึงตรวจหาเชื้อมะเร็งเม็ดเลือดขาวแต่ไม่พบ จากนั้นได้ทำการเจาะไขกระดูกสันหลังของหลานไปตรวจหามะเร็ง ซึ่งผลตรวจจะออกวันที่ 19 ธ.ค. แต่หลานได้มาเสียชีวิตเสียก่อน
โดยครอบครัวติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของหลานว่ามาจากสาเหตุใดกันแน่ ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่าต้องมาจากการถอนฟันของหลานแน่นอน จึงอยากให้ทางโรงพยาบาลออกมาตรวจสอบและชี้แจงสาเหตุให้ชัดเจน เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวล่าสุดวันที่ 21 ธ.ค. 2566 นพ.เพชรฤกษ์ แทนสวัสดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี ได้ออกมาเปิดเผยว่า
ผู้ใช้บริการคนดังกล่าวเดินทางมาพบแพทย์ด้วยอาการมีก้อนเนื้อที่แก้ม และรับบริการด้านทันตแพทย์ โดยถอนฟัน เมื่อช่วงกลางเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา
ทันตแพทย์ สังเกตเห็นว่ามีก้อนเนื้อลักษณะแข็งพอสมควร บริเวณกรามด้านขวา สงสัยว่าจะเป็นเนื้อร้าย โดยแพทย์ได้ขูดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ ต่อมาก้อนเนื้อดังกล่าวโตขึ้นเรื่อยๆ จึงส่งตัวคนไข้ไปยังโรงพยาบาลราชบุรี และตรวจชิ้นเนื้ออีกครั้ง
ล่าสุดปรากฏว่าเป็นก้อนเนื้อมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยก้อนเนื้อดังกล่าวกดบีบทางเดินหายใจ ทำให้หายใจลำบาก และคนไข้ได้กลับมารักษาตัวที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้า เมื่อวันที่ 18-19 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลได้ระดมแพทย์จากหลายสาขาวิชาชีพ ทั้งหู คอ จมูก มาช่วยกันรักษา และปรึกษาญาติว่าจะต้องเจาะคอ สุดท้ายทางญาติไม่ต้องการให้เจาะ ต่อมาคนไข้อาการแย่ลงและเสียชีวิต
ส่วนประเด็นที่ถอนฟันแล้วเสียชีวิตนั้น นพ.เพชรฤกษ์ ระบุว่า เป็นอาการนำของก้อนที่แก้มเท่านั้นเอง ซึ่งทางพยาธิสภาพของโรคต้องมีการดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย