ล่าสุด เมื่อไม่นานมานี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ได้มีการออกมากล่าวถึงมาตรการ Easy e-Receipt โดยระบุว่า
"โครงการดังกล่าวจะให้บุคคลธรรมดา สามารถหัก "ลดหย่อนภาษี" ค่าซื้อสินค้าและบริการ จากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยการ "ลดหย่อนภาษี2567" หรือผู้ประกอบการทั่วไป จะได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาท โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 15 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากครอบคลุมเทศกาลต่างๆ ตั้งแต่ปีใหม่ไปจนถึงตรุษจีน 2567
โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ต้องมีหลักฐานเป็นใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดว่าเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบ 70,000 ล้านบาท หรือกระตุ้น GDP ปี 2567 ให้เพิ่มขึ้นอีก 0.18% เมื่อเทียบกับไม่มีมาตรการ ขณะเดียวกัน ด้าน สินค้าและบริการเข้าเกณฑ์นั้น จะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กรมสรรพากรประกาศ
โดยสินค้าที่ไม่เข้าร่วมโครงการ คือ ค่าซื้อสุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ ค่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ ค่าน้ำมัน และก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ ค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการโทรศัพท์ และค่าบริการอินเทอร์เน็ต ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย เป็นต้น
ทั้งนี้โครงการดังกล่าว บุคคลที่เข้าร่วม คือ ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล โดยสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีภาษี 2567 ซึ่งมีกำหนดการยื่นแบบชำระภาษีเงินได้ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม 2568
สำหรับ ส่วนผู้ที่ใช้มาตรการ Easy e-Receipt หากเข้าเงื่อนไขของเกณฑ์ Digital Wallet ก็ยังสามารถใช้โครงการดังกล่าวได้ด้วย โดยมาตรการดังกล่าว เพื่อต้องการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศช่วงต้นปี" นายจุลพันธ์กล่าว