"หมอธีระวัฒน์" เผยความรู้ ขาดวิตามินบี 1 อาจทำให้แขนขาอัมพาต หัวใจวายได้

08 มกราคม 2567

"หมอธีระวัฒน์ เหมะจุฑา" เผยความรู้ ขาดวิตามินบี 1 อาจทำให้แขนขาอัมพาต หัวใจวาย แนะอย่าลืมคิดถึงบี 1 ซึ่งอาจช่วยชีวิตคนป่วยได้

จากรณีวันที่ 8 ม.ค.2567 ทางด้าน "น.พ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา" แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ให้ความรู้เกี่ยวการขาดวิตามินบี เผยอาจทำให้แขนขาอัมพาต หัวใจวายได้ โดยระบุข้อความว่า 

หมอธีระวัฒน์ เผยความรู้ ขาดวิตามินบี 1 อาจทำให้แขนขาอัมพาต หัวใจวายได้

โรคขาดวิตามินบี ที่ว่านี้ เจาะจงที่ บี 1 โดยเฉพาะ

ซึ่งหมอสมัยนี้เห็นเป็นโรคดึกดำบรรพ์ เนื่องจากไม่มีคนไข้มาให้เห็นด้วย แขนขาอัมพาต บวม หัวใจวาย มาเป็นสิบๆปี จะมีก็ตื่นเต้นกันทั้งบาง

ตัวหมอเองเมื่อ หลายสิบปีที่แล้ว เคยได้ไปสืบสวนหาสาเหตุคนอพยพจากประเทศเพื่อนบ้าน 100 กว่าคนมีแขน ขาชา อ่อนแรงในค่ายอพยพ และควรเกิดจากการขาดวิตามิน บี จากภาวะพร่องโภชนาการซึ่งน่าจะต่างกับสภาพที่คนไทยมีขณะนี้อย่างลิบลับ

จนกระทั่งปลายปี 2557 ต่อจนถึงต้นปี 2558 มีผู้ต้องขังที่จังหวัดบึงกาฬจำนวนมากกว่า 80 ราย เมื่อถูกคุมขังในเวลาไม่กี่สัปดาห์พากันมีแขนขาชา อ่อนแรง รุนแรงจนเดินแทบไม่ได้ เท้าลาก แขนยกไม่ไหว มือเท้าลีบภายในเวลารวดเร็ว เป็นวันถึงสัปดาห์ ทั้งนี้จำนวนหลายรายมีอาการบวมขาแข้ง ร่วมด้วย

และเกือบครึ่งมีไข้นำมาก่อน ซึ่งมักคล้ายหวัดหรือไข้หวัดไม่ใหญ่นัก และหายเอง ตามด้วยอาการดังกล่าว

คุณหมอที่จังหวัด นพ.กมล แซ่ปึง เป็นผู้เฝ้าสังเกตและสืบสวนอย่างใกล้ชิด และสงสัยว่าเป็นภาวะขาดบี 1 แต่อธิบายที่มาไม่ได้ เพราะล้วนเป็นชายฉกรรจ์ ถึงมีอายุก็ดูไม่ได้ผอมแห้งแรงน้อยขาดอาหาร

โดยเฉพาะมีคนไข้หนึ่งรายที่มีอาการขาชาก่อนหลังจากเป็นหวัด แต่หายเองจนอีกหนึ่งเดือนมีอาการคล้ายหวัดอีก คราวนี้หัวใจวายน้ำท่วมปอด ต้องใส่ท่อใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่หลังจากที่ได้วิตามินบี 1 ฉีด มีปัสสาวะออกทันที 4,200 ซีซี จนอาการดีขึ้นถอดเครื่องช่วยหายใจได้

การสืบสวนระดับถัดมาเป็นการทำงานร่วมกับคุณหมอกมล และในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง คุณหมอทางระบบประสาทจากโรงพยาบาลขอนแก่น สถาบันประสาท หนองคาย และหมอเอง รวมทั้งทีมจากสำนักระบาด กระทรวงสาธารณสุข

แม้จะเชื่อว่าการขาดบี 1 เป็นตัวการแต่ที่ละเลยไม่ได้คือมีเชื้อโรคอะไรที่ทำให้เกิดเส้นประสาทและไขสันหลังอักเสบและหัวใจวายได้โดยเฉพาะไวรัส ซึ่งตัวอย่างอุจจาระ เลือด น้ำไขสันหลัง ส่งตรวจทั้งที่กรมวิทยาศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข และที่เราเอง คือศูนย์ปฏิบัติการโรคทางสมองโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และคณะแพทยศาสตร์ จุฬา

แต่เจอเพียงไวรัสธรรมดาหรือเชื้อแบคทีเรียปกติ ซึ่งโน้มนำให้ผู้ป่วยเหล่านี้ขาดพร่องบี 1

ประเด็นสำคัญคือ ด้วยภาวะโภชนาการขณะนี้ในเมืองไทยหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เลวร้ายถึงขนาดที่เจ็บนิดหรือ เป็นไข้หน่อย บี1 ขาดหายจากร่างกายจนเป็นอัมพาตได้อย่างไร?

การพิสูจน์ว่าคนป่วยขาดบี 1 ได้จากการตรวจระดับ และการเปลี่ยนแปลงของค่าเอนไซม์ ETKA และของ Thiamine pyrophosphate ก่อนและหลังการให้วิตามินบี 1 ไม่ใช่วัดค่าครั้งเดียวโดยไม่ให้บี 1 ตาม

และประเมินอีกครั้งว่ามีการเปลี่ยนระดับหรือไม่

ที่น่าตกใจ คือ คนป่วยขาดวิตามินบี 1 จริง รวมทั้งผู้ต้องขังจำนวนมากที่ไม่ป่วย แม้แต่ ผู้คุมเจ้าหน้าที่ ก็มีภาวะขาดด้วย ถึงแม้ไม่ทุกคน

หมอธีระวัฒน์ เผยความรู้ ขาดวิตามินบี 1 อาจทำให้แขนขาอัมพาต หัวใจวายได้

นั่นคืออย่างน้อย ภาวะขาดบี 1 เป็นปรากฏการณ์ ซ่อนตัวในภูมิภาคนี้ (หรืออาจทั้งประเทศ?) และจำเป็นต้องถือเป็นวาระสำคัญที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ ถ้าเกิดมีโรคติดเชื้อถึงไม่รุนแรงก็จะเกิดหัวใจวายอัมพาตไปตามๆ กันแม้เชื้อด้วยตัวเองไม่รุนแรงจริง

ในคนปกติจะมีวิตามินบี 1 สะสมในร่างกายโดยเฉพาะในกล้ามเนื้อ มีบ้างในสมอง หัวใจ ตับ ไต ถ้าเกิดภาวะขาดวิตามิน ตัวที่สะสมไว้จะหมดไปภายใน 1 เดือนและเริ่มมีอาการ

วิตามินบี 1 เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำถูกดูดซึมผ่านลำไส้เล็กส่วนกลางสร้างขึ้นเองไม่ได้

การที่เกิดโรคขาดบี 1 เกิดได้ทั้งจากได้บี 1 น้อย จากการกินอาการที่วิตามินไม่พอ ดื่มเหล้าจัด สำไส้ดูดซึมไม่ได้ ผ่าตัดรัดกระเพาะ ลดความอ้วน ล้างไตผ่านช่องท้องหรือฟอกทางเลือด จากท้องเสียเรื้อรัง โรคของลำไส้ และจากการที่มีการใช้บี 1 ไปอย่างรวดเร็ว เช่น โรคไทรอยด์เป็นพิษ ตั้งครรภ์ ขาดวิตามินโฟเลท กำลังให้นมลูก มีไข้โดยเฉพาะจากการติดเชื้อ มีโรคตับรุนแรงอยู่

อาหารที่มีบี 1 คือ อาหารธัญพืชเต็มเมล็ด เยื้อหุ้ม เนื้อเมล็ด จมูกข้าว ข้าวกล้อง ข้าวที่ไม่ขัดสี ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ลูกเดือย ขนมปังโฮลวีต ซีเรียล เนื้อ ปลา ไก่ ไข่ นม ผักใบเขียว มันฝรั่ง ถั่วเปลือกแข็ง ถั่วเหลือง ส้ม มะเขือเทศ

อาหารหลายชนิดจะมีตัวขจัดบี 1 ทิ้งเช่น ข้าวขัดสี กุ้ง หอยแมลงภู่ หอยกาบ ปลาร้า และปลาหอยดิบ กุ้งดิบ เนื้อสัตว์ดิบ

ถั่ว และ มันสำปะหลัง ซึ่ง เมื่อเอามากินเป็นอาหารหลัก แม้จะมีบี 1 อยู่บ้างแต่ที่มีแป้งอยู่มากจะทำให้มีการใช้บี 1 เพิ่มเพื่อเอาแป้งมาใช้เป็นพลังงาน

ด้วยลักษณะดังกล่าว คนที่จะเป็นโรคขาดบี 1 อาจไม่ต้องเป็นคนผอมแห้งแรงน้อย หุ่นเป็นนักกีฬาก็ได้ แต่กินข้าวขาว แป้งเป็นหลักโดยที่เป็นข้าวขัดสี และยิ่งเมื่อมีอาหารที่คอยทำลายบี 1

มีการเพิ่มการใช้บี 1 เช่น ออกกำลังกายอย่างรุนแรง มีภาวะติดเชื้อ มีไข้ คนที่ขาดอยู่แล้วคลังสะสมจะถูกใช้ไปหมดแล้วก็จะเกิดโรคทันที

อาการทางระบบประสาทเป็นในรูปของเส้นประสาทพัง มือ เท้า แขน ขาชา อ่อนแรง รวมทั้งมีอาการทางสมอง ตากระตุก ตาเหล่ เดินเซ อาเจียน จนมีอาการซึม

ถ้ารักษาไม่ทันแม้ฟื้นขึ้นได้จะมีอาการหลงลืมถาวร แบบอัลไซเมอร์ คือ จำอะไรไม่ได้ ที่พูด ที่ทำ ที่ฟังไป เมื่อเร็วๆนี้หรือเสียความจำปัจจุบันไป อาการที่ออกทางหัวใจเริ่มจากเส้นเลือดขยายทั้งตัว จนหัวใจต้องบีบเลือดมากขึ้นทดแทน จนทำให้ต้องเก็บน้ำและเกลือไว้มากจนเกินควร หัวใจเมื่อทำงานหนักเกินจะมีหัวใจวายเจ็บหน้าอก จนระยะถัดมาแยกจากคนเป็นโรคหัวใจทั่วไปจากเส้นเลือดตันลำบาก

อาการทางหัวใจอาจเกิดได้อย่างรวดเร็วฉับพลันไม่เป็นขั้นเป็นตอนแบบนี้ โดยไม่บวมมากแต่แขน-ขา มือเขียวเรียกว่า “โชชิน” (Shoshin beriberi) ผู้ป่วยแบบฉับพลันนี้ การให้วิตามินบี 1 กลับเป็นการเร่งให้หัวใจวายมากขึ้น

ทั้งๆที่ต้นเหตุ เกิดจากการขาด บี 1 ทั้งนี้เนื่องจากโชชินหัวใจวายจะข้ามขั้นตอนเส้นเลือดขยายเป็นเส้นเลือดหดตัว การให้บี1 กลับจะทำให้เส้นเลือดหดเข้าไปอีก ต้องประคับประคองหัวใจ จนเริ่มฟื้นจึงทดแทนบี 1

ความจริงยังมีผู้ป่วยอีก 2 รายในกลุ่มระบาดนี้ที่มีอาการทางหัวใจวายเสียชีวิต แม้ว่าจะมีสาเหตุร่วมคือการติดเชื้อรุนแรงก็ตาม แต่การที่มีหัวใจวายอาจจะมีสาเหตุส่งเสริมจากการขาด บี 1 ได้

ทั้งผู้ป่วยและผู้ไม่ป่วย บุคลากรที่ทำงานต่างได้รับวิตามินบีเสริมเป็นล่ำเป็นสัน โดยผู้ป่วยทั้งหมดมีอาการดีขึ้นหรือเกือบเป็นปกติ ที่อาการเลวจนอัมพาตก็ดีขึ้น ยกเว้นมีบางรายที่เป็นมากมีความพิการหลงเหลือ

ที่ต้องรณรงค์ คือการต้องกินข้าวซ้อมมือ ไม่ขัดสี ให้ความรู้ เลี่ยงหรือลดการกินอาหารที่ทำลายบี 1

อย่าลืมคิดถึงบี 1 ซึ่งอาจช่วยชีวิตคนป่วยได้

คนที่ชอบอาหารโก้เก๋ที่กินขณะนี้ตามฝรั่งเป็นตัวขาดบี 1 ทั้งสิ้น และอ้วนซึ่งเมื่อออกกำลังมากมีภาวะเครียดติดเชื้อจะเกิดอาการได้ เพราะอาหารหนักไปทางแป้ง หวานไม่นับพวกดื่มเหล้าจัด โรคตับ ล้างไตและอื่นๆ ที่กล่าวแล้ว

ส่วนกลุ่มที่ไม่มีอะไรจะกินต้องเกิดได้อยู่แล้ว

ที่มาเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha