กลายเป็นประเด็นเดือดขึ้นมาทันที กรณีดราม่าร้อนเกี่ยวกับเรื่องปีชง ที่เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหลากหลายมุมมอง ล่าสุด พระพยอม กัลยาโณ หรือ พระราชธรรมนิเทศ ได้พูดถึงเรื่องปีชง แนะอย่าลืมนะ 2 หลักของเราคือ เชื่อกรรม เชื่อความเพียร กรรมวาที วิริยวาที ถ้าอยู่กับหลักนี้แล้วปีชงจะไม่ทำให้เราพะวักพะวน
โดย พระพยอม กัลยาโณ กล่าวว่า ก็อย่างเดิมนั่นแหละ ปัญหาอยู่ว่าถ้าเราพลัดหลัก ไม่อยู่กับหลัก ถ้าอยู่กับหลักศีล สมาธิ ปัญญา ควบโชคชะตา ดูดวง ดูดาว ดูปีชง เขาก็ไม่ไปพะวักพะวนกับเรื่องนี้เลยที่เราพะวักพะวนต้องไปทำตามเขาเนี่ย เพราะเราพลัดหลัก เราก็จะคลำหาอะไรที่มันเป็นฤทธิ์จิต ดลบันดาล สบายใจ
แต่อย่าลืมนะ 2 หลักของเราคือ เชื่อกรรม เชื่อความเพียร กรรมวาที วิริยวาที ถ้าอยู่กับหลักนี้แล้วปีชงจะไม่ทำให้เราพะวักพะวนไปกลัวว่า ถ้าไม่ได้ทำไม่ได้ปฏิบัติตามนี้แล้ว ไม่ได้เข้าพิธีทำแบบนี้แล้ว เราจะเสื่อม เราจะต่ำ เราจะไม่เจริญ เราจะไม่มีโชคมีลาภ ลองปรับเปลี่ยนดูใหม่เถอะนะ
การกระทำอะไรที่มันโชคลาภเกิด เป็นเศรษฐีได้ ขยันหา รักษาทรัพย์ดี คบเพื่อนที่มีช่องทางชี้ขุมทรัพย์ให้เรา สุดท้ายเลย เราต้องทำตนให้มันเรียกว่า ใช้จ่ายอย่าเกิน เดี๋ยวมันก็มีฐานะ มีอะไรดีขึ้นมา ถ้าชงอย่างนี้สิ ชงเคราะห์ปฏิบัติ ขยันขึ้น มีความพยายามมากขึ้น แล้วก็คบแต่คนดี ๆ ตอนนี้ไปคบอันธพาลคนเลวเนี่ย พากันหมดเนื้อหมดตัวไปเยอะแล้ว ถึงจะไปทำชง ไปเข้าพิธีก็ตาม แต่ถ้าดีไม่ทำตามที่หลวงพ่อว่า ทำดีเนี่ย ดีกว่าไปขอพร ดีกว่าไปอ้อนวอนขอพรโดยไม่ทำดี แล้วอีกกี่ปีล่ะจะมีพร อีกกี่ชงถึงจะมีพร
ที่สำคัญที่สุด คือท่านบอกว่า ชีวิตคนเราเนี่ยไม่ได้อยู่กับดวงดาว ดวงเดือน อะไรหรอก ไม่มีพรหมลิขิต แต่มีกรรมลิขิตกับวิริยลิขิต เชื่อกรรมแล้วเชื่อความเพียรสิ มันจะลิขิต อย่าไปเชื่อดวงดาวอะไรมากมาย ท่านเขียนกลอนไว้บทหนึ่งดีมาก
“เราดีดีกว่าดวงดี เพราะดีมีที่เรา ดีกว่าไปมีที่ดวง ขยันทำดีทั้งปวง เชื่อว่าเราหน่วง เราดีทั้งปวง มาทำให้ดวงเรามันดี โชคจะร้ายไม่ได้ตลอดปี ถ้าเรามีดีเป็นดวง” เอาแนวนี้มั่งสิ อย่าไปเอาแนวชงแนวเชิง ไม่รู้นะ ถ้าอาตมาชงเนี่ยขออย่างเดียว ขอให้ชงกาแฟชงโอวัลตินอะไรอิ่มกว่า แต่ก็ไม่อยากจะไปเถียงกับใครนะ
เพราะว่าพระพุทธเจ้าท่านเตือนไว้อย่างหนึ่ง
“อย่ากล่าวคำเป็นเหตุให้เถียงกัน” ว่าชงดีหรือไม่ดี ชงมายังไงเป็นยังไง
เพราะถ้ากล่าวคำเป็นเหตุให้เถียงกันแล้วเนี่ย มันจะเริ่มฟุ้งซ่าน แล้วจะมองไม่เห็นธรรม มัวแต่กระแทกแดกดันกันไป เดี๋ยวคนหนึ่งหาว่าโง่ อีกฝ่ายก็ไม่ยอมโง่ จะเถียงกันอยู่นั่นแหละ ฝ่ายโง่ก็บอกแรงไปหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไร ก็อยู่กันแบบอย่างนี้ ถ้าเราพร้อมจะเชื่อแบบนั้น เราก็จะต้องทนเสียงวิพากษ์วิจารณ์นะ เพราะว่าคนที่เขาไม่ได้ชงเนี่ยเยอะแยะ เขาไม่ได้เข้าพิธีเลย เขาทำเขาก้มหน้าก้มตาทำความดี เขาก็ดีเขาก็เจริญเรื่อยมา ฝากไว้แค่นี้แหละ