วันที่ 27 ม.ค. 67 เคลื่อนไหวแล้ว สำหรับ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองจอมแฉ ล่าสุดฝากข้อความถึงสื่อมวลชน และคนไทยทั่วประเทศ โดยระบุว่า กาลครั้งหนึ่ง ไม่นานสักเท่าไหร่ มีโมฆะบุรุษนาม “สีสากกะเบือ” ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง เที่ยวหากินตามงานวัดหลอกชาวบ้านไปวันๆ
เมื่อเห็นว่าหลอกคนได้ง่าย แค่เล่าเรื่องโกหกพกลมคนก็เชื่อ จึงคิดการใหญ่ ทำตัวเป็น “คนดีศรีสังคม” อันสังคมไทยมักเชื่อถือคน “มือถือสากปากถือศีล” แค่ทำท่ากราบไหว้พระสงฆ์องค์เจ้า คนไทยก็หลงเชื่อลีลาชี้นิ้วโกหก อาชีพร้องเรียนแล้วแบล็คเมล์มันช่างหากินง่ายเสียเหลือเกิน
เรื่องไหนเห็นว่าจะได้สตางค์ไม่มีรีรอ ทำตัวดั่ง “พระเวชสันดรมาโปรดสัตว์” แต่ที่ไหนได้พอโปรดได้ที่ก็ตีกิน
หากไม่ใช่ของแท้ย่อมหวั่นไหว เสมือนหนึ่งในภาษากฎหมายเรียก “ขู่กรรโชก” กระตุกให้สะดุ้งแล้วรอเคลียร์ เพราะเกรงกลัวอิทธิพลคนใช้สื่อเป็นเครื่องมือ บรรดาข้าราชการกลัวหัวหดเมื่อได้ยินชื่อ “สี” พวกสีขาวไม่อยากมีเรื่องต่อความยาวสาวความยืด จึงจ่ายดีกว่า
ยิ่งพวกเทาๆ แทบจะรีบเอาเงินสดใส่ลังเบียร์ไปแกล้งลืมไว้ถึงที่บ้าน สังคมมันบัดซบ คนชั่วมันถึงหากินแบบนี้ได้ ขอเตือนสื่อไม่ให้เป็นส่วนหนึ่งของ “ศาลาคนชั่วแสร้งทำดี” มันช่างเลวกว่า “คนเลวที่ยอมรับว่าเลว” สังคมต้องระวัง เพราะเชื่อหรือไม่ว่ารายนี้ไม่ใช่รายแรก และไม่ใช่รายสุดท้ายแน่นอน
พร้อมทิ้งท้ายว่า คนใกล้ตายอย่างผมไม่เสียเวลาเล่าเรื่องโกหก