วันที่ 1 ก.พ. 67 ทางด้าน "หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์" หัวหน้าโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC เกี่ยวกับข้อมูล "โรคไข้เลือดออก" โดยระบุว่า...
โรคไข้เลือดออกเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ ไวรัสไข้เลือดออกมี 4 สายพันธุ์ คนจึงอาจเป็นแล้วเป็นอีกได้ถึง 4 ครั้ง โรคนี้เป็นได้ตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นครั้งที่ 2 จะหนักกว่าครั้งอื่นๆ กลุ่มเสี่ยงที่ป่วยหนักคือ ผู้ใหญ่วัยทำงานถึงวัยกลางคนอายุ 25 - 54 ปี เพราะมีโอกาสติดเชื้อครั้งที่ 2 สูงกว่ากลุ่มอื่น แม้คนติดเชื้อครั้งที่ 2 จะสุขภาพดีก็ยังสามารถป่วยเป็นไข้เลือดออกรุนแรงได้ ปัจจุบันยังไม่มียารักษาเฉพาะเจาะจง
ในปี 2566 ไข้เลือดออกระบาดหนักที่สุดในรอบ 5 ปี และในปี 2567 ไข้เลือดออกเป็นอีกโรคหนึ่งที่คาดว่าจะระบาดหนักร่วมกับโควิดและไข้หวัดใหญ่
โชคดีว่าโรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน โดยมีวัคซีนตัวที่ 2 เพิ่งเข้าประเทศไทย ชื่อวัคซีน Qdenga เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ มีประสิทธิภาพดี สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกได้ทั้ง 4 สายพันธุ์สูงถึง 80.2% และลดการนอนโรงพยาบาลด้วยไข้เลือดออกได้สูงถึง 90.4% มีการศึกษาติดตามระยะยาวถึง 4.5 ปี พบว่ายังคงประสิทธิภาพในการป้องกันการนอนโรงพยาบาลจากไข้เลือดออกได้ถึง 84.1%
โดยแนะนำให้ฉีดเข้าต้นแขนใต้ผิวหนัง (subcutaneous) ในคนอายุ 4 - 60 ปี จำนวน 2 เข็ม โดยห่างกัน 3 เดือน เป็นวัคซีนที่ไม่จำเป็นต้องตรวจเลือดก่อนฉีดวัคซีน เนื่องจากสามารถฉีดได้ทั้งผู้ที่เคยและไม่เคยป่วยเป็นไข้เลือดออก แตกต่างจากวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกตัวแรก Dengvaxia ที่ต้องตรวจเลือดก่อนฉีด เพราะฉีดได้เฉพาะผู้ที่เคยป่วยเป็นไข้เลือดออกเท่านั้น
ข้อห้าม : ห้ามฉีดผู้หญิงตั้งครรภ์ และกำลังให้นมบุตร คนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ กินยากดภูมิ ได้ยาเคมีบำบัด เคยปลูกถ่ายอวัยวะ และคนติดเชื้อไวรัสเอชไอวี