จากกรณีมีรายงาน วันที่ 1 ก.พ.67 นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ "เจ๋ง ดอกจิก" พร้อมด้วย น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ หรือ "การ์ตูน" อดีตผู้สมัคร สส.รวมไทยสร้างชาติ ร่วมกันแถลงข่าว หลังถูกกล่าวหาว่าร่วมขบวนการรีดทรัพย์สินในกลุ่มของ “ศรีสุวรรณ จรรยา” ซึ่งทาง เจ๋ง ดอกจิก ถือพานสาบาน ถ้าทำจริงขอให้มีอันเป็นไป
โดยทางด้านของ เจ๋ง ดอกจิก กล่าวว่า ตนและน.ส.พิมณัฏฐา 2 คน ถูกกล่าวหาว่าเป็นแก๊งตบทรัพย์ที่ร่วมขบวนการเดียวกับ นายศรีสุวรรณ จรรยา และกล่าวหาว่าตนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ไปเรียกรับผลประโยชน์เพื่อตนเองและผู้อื่น ทำให้ตนและ น.ส.พิมณัฏฐา ได้รับความเสียหายอย่างยิ่ง ตนอดทนมาตลอดเวลา เสื่อมเสียศักดิ์ศรี เกียรติยศอย่างยิ่ง ประเด็นเหล่านี้ตนจำเป็นต้องชี้แจงให้สังคมได้รับทราบและเข้าใจมากยิ่งขึ้น
ตั้งแต่วันแรกที่ทุกคนเข้าใจว่าตนถูกจับ ซึ่งในความจริงแล้ว ตนไม่ได้ถูกจับ ตนไปมอบตัวที่ สน.ดุสิต และตำรวจ ปปป.รับตัวตนที่ สน.ดุสิต ที่ข่าวพาดหัวว่าบุกจับตน และ น.ส.พิมณัฏฐา ไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใด เพราะตนรู้ตัวว่ามีหมาย จึงประสานกับตำรวจให้มารับตัวตนไป ที่มาแถลงข่าวช้า เพราะโทรศัพท์ทั้ง 2 คน ถูกยึดไปตั้งแต่วันแรก จึงไม่สามารถเก็บข้อมูล รายละเอียดต่างๆ ได้เลย
ส่วนที่ตนเข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องนี้ได้อย่างไรนั้น มีรายละเอียดดังนี้ วันที่ 18 ธันวาคม 2566 นายศรีสุวรรณ จรรยา และตน เจอข้อพิรุธส่อทุจริตในกรมฝนหลวงฯ เรื่องทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการประกวดราคาซื้อเครื่องบินขนาดกลางของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ที่มีงบประมาณ 1,188 ล้าน เมื่อตรวจสอบเจอ เราก็นัดหมายว่าจะไปร้องต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร โดยนัดหมายกันว่าจะไปร้องเรียนต่อประธาน กมธ. ในวันที่ 20 ธันวาคม 2566
ในวันนั้น ประธาน กมธ. ติดภารกิจ จึงส่งเจ้าหน้าที่มารับ เมื่อแถลงข่าวเสร็จ ตนมีข้อมูลตรงกับ นายศรีสุวรรณ ว่า ในกรมการข้าว มีการทุจริตอย่างมโหฬาร จึงเตรียมเอกสารร้องเรียนกรมการข้าวต่อ ตนจึงพูดไปในการแถลงข่าวว่า เตรียมเอกสารร้องกรมการข้าวอีกด้วย เมื่อตนพูดแตะไป ก็มีพรรคพวกผม รู้ว่าน่าจะไปร้องกรมการข้าว เพื่อนตนซึ่งเป็นแกนนำคนเสื้อแดงคนสำคัญ บอกว่าอย่าไปยุ่งกับกรมการข้าวเลย อธิบดีเป็นน้องเขา เป็นพรรคพวกและขอให้ตนช่วยดูแล เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ตนโทรหาอธิบดี
ซึ่งท่านไม่ได้รับสาย ท่านโทรกลับมาตนก็ไม่ได้รับสาย พอเช้าวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ตนรีบโทรกลับไป อธิบดีโจขอกินกาแฟกับตนที่ โรงแรมมารวย ระหว่างทางอธิบดีบอกว่าที่โรงแรมคนเยอะ ไม่สะดวกคุย ให้มาหาที่กรมการข้าว ระหว่างที่อธิบดีโทรถามว่าถึงไหนแล้วโดยเมื่อเมื่อไปถึงที่กรมฯ ประมาณบ่ายโมง อธิบดีลงมารับผมที่หน้าตึก ผมก็ขึ้นไปที่ห้องอธิบดี โดยมีภรรยานั่งอยู่ โดยเขาบอกว่า พี่ช่วยผมหน่อย ผมไม่ไหว พี่ช่วยเจรจาผมหน่อย ผมบอกไม่ต้องห่วง
วันนี้มาเพื่อช่วย เพราะเพื่อนผมฝากไว้ ซึ่งอธิบดีบอกว่าตนเป็นเสื้อแดง และสนับสนุนเสื้อแดงมาตลอด ผมจึงช่วยเต็มที่ ช่วยด้วยหัวใจ เขาก็กราบที่ตัก ขอบคุณที่มาช่วยดูแล เดี๋ยวมีอะไรประสานกับภรรยาผมนะ ซึ่งภรรยาอธิบดีกรมการข้าว ถามว่าจะติดต่อกับใคร ผมจึงให้ติดต่อกับ น.ส.พิมณัฏฐา เพราะเขาเป็นเลขาฯ ของตน”
ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักอธิบดีมาก่อน แต่พอบอกจะร้องเรียน ก็มีคนบอกว่าเป็นน้อง ก็ขอให้ช่วยเหลือ ตนก็เลยไปประสานว่ามันมีเรื่องนี้ เขาก็ชวนผมไปที่กรมฯ แล้วบอกว่าก่อนนี้คุยกัน 2 โล ก็ช่วยเจรจาให้หน่อยเลยมาช่วย
ส่วนเรื่อง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ยอมรับว่า ได้รายงาน ร.อ.ธรรมนัส ท่านบอกว่าช่วยให้จบๆ หน่อย คิดว่างานท่านคงเยอะ เลยคิดว่ารำคาญ โทรศัพท์ไปเล่าให้ท่านฟังว่ามีเรื่องกรมข้าว ท่านบอกช่วยทำให้จบๆ วันที่ 19 ธ.ค. ก็ไปหา ร.อ.ธรรมนัส ที่ทำเนียบ ถามว่าเรื่องพี่ศรีจะเอายังไง ท่านก็ถามว่าพี่ศรีจะเอายังไง ก็บอกไม่รู้ เขาบอกพี่เจ๋งไปช่วยจัดการให้หน่อย เลยเป็นที่มาที่เข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องนี้ ก็เลยไปช่วยเจรจา ท่านบอกให้ทำตามที่ศรีว่า ก็เลยไปจัดการให้จบๆ ไล่ดีๆ มีคุณหมู อธิบดี ภรรยาอธิบดี ไปตกลงกับ ศรีสุวรรณ ว่ายังไง อันนั้นผมไม่รู้ ต่อมาทีหลังมารู้ว่าตกลงกันว่า 2 โล ข่าวก็ออกมาจ่ายกันไปเบื้องต้นแล้วด้วยซ้ำ
ท้ายสุด เจ๋ง ดอกจิก ได้ทำการถือพานสาบาน พร้อมระบุว่า หากตนเป็นแก๊งตบทรัพย์จริง ขอให้มีอันเป็นไปแต่หากไม่ได้เป็นดังนั้น ขอบารมีพระแก้วมรกต ศาลหลักเมือง ช่วยจัดการกับคนกล่าวหา ให้ไม่มีที่อยู่ให้ทุกข์ใจกว่าตนพันเท่าและขอให้บุคคลที่กล่าวหา ขอให้มีอันเป็นไปทั้งครอบครัว อย่าได้ผุดได้เกิด ถ้าตนไม่ได้เกี่ยวกับแก๊งตบทรัพย์ ขอให้เจริญขึ้นเรื่อยๆ