เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ 14 ก.พ.67 กลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าขายต้นไม้ตลาดนัดจตุจักร เดินทางเข้ามารวมตัวกันที่บริเวณหน้าสำนักงานของทางตลาด เพื่อยื่นเรื่องถามผู้อำนวยการตลาด ถึงกรณีที่ทางตลาดได้มีการเก็บค่าส่วนกลางเพิ่มเดือนละ 1,000 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ทางพ่อค้าแม่ค้าตลาดจตุจักร ไม่มีการเก็บค่าส่วนกลาง มีแค่เก็บค่าแผง แผงละ 900 บาทต่อเดือน เท่านั้น เท่ากับว่า พ่อค้าแม่ค้า จะต้องแบกรับภารจะค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 1,900 บาทต่อเดือน (ปกติจ่ายแค่ค่าแผง เดือนละ 900บาท )
เมื่อได้มีการสอบถามที่เก็บค่าส่วนกลางเพิ่มนั้น อ้างว่าจะนำไปปรับปรุง แก้ไขและดูแลตลาด แต่พ่อค้า-แม่ค้ากลับไม่เห็นถึงสิ่งที่ได้รับจากการเสียค่าส่วนกลางเป็นเงินกว่าเท่าตัว ในวันนี้จึงได้รวมตัวกันเข้ามาร้องเรียนต่อผู้อำนวยการให้มีการชี้แจงในเรื่องนี้
พี่ทราย หนึ่งในแม่ค้าขายต้นไม้ กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ค้าหลายรายได้มีการคืนแผงและไม่ได้ขายของที่ตลาดแห่งนี้อีกแล้ว เนื่องจากอาจเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจที่ทำให้คนมาเดินเที่ยวชมน้อยลง จนส่งผลต่อเนื่องที่ทำให้ยอดการขายของพวกตนตกลงไปด้วย
ในขณะที่ทางตลาดน่าจะเห็นตรงส่วนนี้ได้ชัดเจนและควรจะมีแนวทางในการช่วยเหลือ แต่กลับมีการเรียกเก็บเงินค่าส่วนกลางเพิ่ม ตนทราบมาว่าหน่วยงานที่ดูแลในส่วนของตลาดแห่งนี้ ได้โดนการรถไฟฟ้องร้องที่ไม่ได้มีการชำระค่าเช่าที่ดินมาเป็นเวลานานกว่า 5 ปีแล้ว พวกตนจึงเกิดข้อสงสัยว่าการที่มาเรียกเก็บเงินเพิ่มครั้งนี่นั้นมีจุดประสงค์แอบแฝงหรือไม่
ในส่วนของค่าส่วนกลางที่ตลาดจตุจักรได้มีการเรียกเก็บเพิ่มเดือนละ 1,000 บาทนั้น พวกตนยืนยันว่าแทบไม่เห็นผลประโยชน์จากการเสียค่าใช้จ่ายตรงนี้เลย ไม่ว่าจะเป็น น้ำ ไฟ หรือแม้กระทั่งห้องน้ำ ที่พวกตนก็ยังต้องจ่ายเงินในการเข้าใช้ จึงเป็นข้อสงสัยว่าเงินที่เก็บไปนั้นไปอยู่ที่ไหน
ในส่วนของ นายสุธน สุวรรณภานนท์ ผอ.ตลาดจตุจักร กล่าวว่า หลังจากที่ทางผู้ขายได้มีการส่งหนังสือร้องเรียนต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องการจัดเก็บเงินค่าส่วนกลางมานั้น ตนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้นำเอาปัญหาเหล่านี้ไปนำเสนอกับทางผู้บริหาร จนได้ทราบคำตอบมาว่าในส่วนของเงินดังกล่าวที่ทางผู้ขายต้องจ่ายเป็นค่าส่วนกลางนั้น จะได้นำมาใช้จ่ายสำหรับการพัฒนาตลาดให้ดีขึ้นและพยายามทำให้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวจะได้มาเยี่ยมเยียน รวมถึงยังนำมาใช้สำหรับการปรับปรุงพื้นที่ต่างๆ ภายในตัวตลาดและการจ้างงานบุคคลากรเข้ามาดูแล
ทั้งนี้หากจะบอกให้ละเว้นการจ่ายเงินในส่วนนี้ก่อนนั้นตนคงจะดำเนินการให้ไม่ได้เพราะไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของตน อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่าทุกครั้งที่พ่อค้า-แม่ค้าที่ได้รับความเดือดร้อนแล้วมาแจ้งนั้นตนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในปัญหาที่เกิดขึ้นและส่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกครั้ง
นอกจากนี้ ฝั่งผู้ขาย กล่าวว่า พวกตนได้เข้ามายื่นเรื่องที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งก็ยังคงไม่มีการดำเนินการใดๆ กลับมา พวกตนจึงอยากที่จะเดินทางไปสอบถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงเพื่อที่จะติดตามและสอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ต่อไป โดยหวังว่าการไปร้องเรียนในครั้งหน้านั้นจะสามารถได้คำตอบที่ชัดเจนมากขึ้นหรือมีทางออกสำหรับเรื่องนี้ได้