เรียกได้เป็นประเด็นความคืบหน้า วันนี้ 25 ก.พ. 2567 กรณีที่ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ อดีตสส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย เดินทางมาจากจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อมาขอเข้าเยี่ยม ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ บ้านจันทร์ส่องหล้า โดยไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตั้งใจ มาพบกับนายทักษิณเพื่อให้กำลังใจ เพราะคือว่านายทักษิณเป็นคนที่ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศไทยและคนไทยมากมาย และที่ผ่านมาในทักษิณก็ได้ให้ความเมตตากับตนเองมาตลอด
แม้จะเคยถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไม่สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้ ที่ผ่านมามีโอกาสได้เข้าไปพบหลายครั้งตั้งแต่อยู่ที่ดูไบ สิงคโปร์ และวันนี้นายทักษิณกลับมาที่ประเทศไทยแล้วตนจึงถือโอกาสเข้ามาเยี่ยมเพื่อแสดงความสำนึกบุญคุณ
โดยทางด้าน จ่าประสิทธิ์ ไชยศรีษะ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวเชื่อว่าคนไทยหลายคนดีใจที่นายทักษิณกลับมา และเชื่อมั่นในตัวของนายทักษิณ อยากให้รักษาสุขภาพให้ดี และการกลับมาครั้งนี้เชื่อว่าจะทำให้คนไทยอยู่ดีกินดี โดยไม่ว่าจะกลับมารับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีได้ในอนาคตก็ดี หรือเป็นที่ปรึกษาหรือจะดำรงตำแหน่งอะไรก็เชื่อว่าจะทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศ มองว่าหากประเทศไทยมีทั้งนายทักษิณและนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็จะทำให้คนไทยอยู่ดีกินดี และประเทศจะดีขึ้น
เมื่อถามว่าจะไม่ถูกมองว่าประเทศไทยมีนายกฯ 2 คนหรือไม่ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ กล่าวว่า นั่นเป็นเพียงความคิดของคนที่ไม่เห็นด้วย ตนอยากให้ความขัดแย้งจบลง อยากให้นายทักษิณกลับมาบริหารประเทศเพราะประเทศบอบช้ำมามากแล้ว มีสภาพเหมือนเมืองร้าง ตนไม่อยากให้ประเทศแย่ไปกว่านี้
จึงต้องถามกลับว่า การที่เราจะได้คนที่มีความรู้ความสามารถมาช่วยพัฒนาประเทศมันไม่ดีอย่างนั้นหรือ หลายประเทศอยากได้นายทักษิณไปช่วย อย่างไรก็ตาม การนายเศรษฐาเข้าพบกับนายทักษิณ ก็ไม่ได้เข้ามาพบนายทักษิณเพียงคนเดียว แต่ที่ผ่านมาก็มีการเดินสายพบทุกอดีตนายกฯ หลายคน จึงอยากให้ทุกคนเปิดใจกว้าง และมองเรื่องการพัฒนาประเทศ
เมื่อถามว่า มีคนมองว่านายทักษิณเป็นต้นตอของความขัดแย้งเนื่องจากมีการใช้อภิสิทธิ์ในการได้รับการพักโทษ จ.ส.ต. ประสิทธิ์ กล่าวว่าไม่ใช่ ทำไมไม่มองย้อนกลับไปเมื่อ 17 ปีที่แล้ว การที่นายทักษิณถูกยึดอำนาจ และยังมีการตั้งองค์กรต่างๆ ขึ้นมาทำร้ายนายทักษิณ มีการยุบพรรคอยู่ฝ่ายเดียว อีกฝั่งทำผิดกลับไม่เคยโดนอะไรเลย เพราะฉะนั้นนายทักษิณได้รับความยุติธรรมตั้งแต่แรก วันนี้พอกลับมาแล้วก็ถูกมาหาเรื่องต่อ เพราะฉะนั้นคนที่มาหาเรื่องก็คือคนที่ไม่ชอบนายทักษิณแบบเข้าสมอง เข้าจิตใจ แต่กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าอะไรจริงหรือไม่จริง มีหลายคนที่เปลี่ยนใจมารักทักษิณก็เยอะ จากที่เคยเกลียด
หลายคนไม่เชื่อว่านายทักษิณมีอาการป่วยจริง จ.ส.ต.ประสิทธิ์ กล่าวว่าคนที่พูดแบบนี้คือคนที่ไม่เปิดใจและไม่ชอบอยู่เบื้องลึก ยืนยันว่านายทักษิณมีอาการป่วยจริงเพราะตั้งแต่ที่ตนไปพบที่ดูไบก็ป่วยเป็นโควิด ใครจะคิดอย่างไรก็ได้ แต่หลักฐานทางการแพทย์ มีทั้งใบรับรองแพทย์ และเชื่อว่าบุคลากรทางการแพทย์มีจรรยาบรรณ ไม่มีใครเอาศักดิ์ศรีมาแลกกับเรื่องแบบนี้ หากเป็นเรื่องที่ไม่จริง และคนอายุ 70 ปีอะไรก็เสื่อมลง
จ่าประสิทธิ์ ยังกล่าวด้วยว่า ตนเห็นด้วยกับการแก้กฎหมายนิรโทษกรรม อยากให้ผู้มีอำนาจโดยเฉพาะสภาพิจารณา โดยไม่อยากให้การนิรโทษกรรม เป็นการเลือกปฏิบัติ อยากให้นิรโทษกรรมทุกฝ่าย โดยเฉพาะคดีทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นคดีอะไรก็ช่าง รวมถึงผู้ต้องคดี ม.112 ถ้าเราไม่ให้โอกาสลูกหลานเรา คนที่มีความคิดต่างทางการเมือง บางทีอาจจะด้วยเจตนาหรือไม่เจตนา จะถูกกล่าวหาอย่างไรก็ช่าง ตนคิดว่าการให้โอกาส การให้อภัยเป็นเรื่องที่ดี ต่อให้คนนั้นผิดก็ช่าง ตนคิดว่าหากคนมีจิตสำนึกก็จะไม่ไปทำอีก เขาจะภูมิใจ และร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองของเรา
อย่างไรก็ตาม สุดท้าย นายทักษิณไม่ได้อนุญาตให้จ.ส.ต. ประสิทธิ์เข้าพบ เนื่องจากไม่ได้มีการนัดหมายล่วงหน้า ทำให้เจ้าตัวนั่งแท็กซี่กลับไปโดยยืนยันว่าจะมีการประสานมาเรื่อยๆ เพื่อขอเข้าพบให้ได้