กลายเป็นประเด็นขึ้นมาอีกครั้ง สำหรับคดีครอบครองปรปักษ์ "อากู๋" เจ้าของบ้านย่านรามอินทรา 58 กับเพื่อนบ้านคู่กรณีที่ลักลอบเข้ามายึดบ้านและอ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์เป็นของตัวเอง โดยตอนแรกได้ย้ายออกไปเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว และกลับมาอ้างสิทธิ์การครอบครองปรปักษ์ พร้อมเปิดร้านขายไก่ทอด ต่อมา ตำรวจ สน.โคกคราม นำตัวผู้ต้องหาบุกรุก 5 คนส่งพนักงานอัยการมีนบุรี
แต่ล่าสุดมีรายงานว่า "นางสาวภานุมาศ" 1 ใน 5 ผู้ต้องหาเลือกจบชีวิตตัวเอง โดยใช้ผ้าผูกคอตัวเองในห้องน้ำ ภายในบ้านพัก ผู้ที่เห็นศพคนแรกคือ สามีของผู้ตาย หลังกลับมาจากซื้อของเมื่อเข้ามาที่บ้านก็ไม่เจอภรรยา จึงเดินตามหาไปเคาะประตูเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับ ก่อนพบก่อเหตุสลดในห้องน้ำ จึงตัดสินใจปีนเข้าไปเพื่อช่วยชีวิต โดยการทำซีพีอาร์แต่ไม่เป็นผล
ต่อมาทางด้าน "ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์" ทนายความของซัน หลานอากู๋ และอากู๋ เจ้าของบ้านที่ถูกเพื่อนบ้านบุกรุกครอบครองปรปักษ์ เคลื่อนไหวเผยว่า อากู๋ทราบแล้ว อากู๋ ถึงกับช็อกและขอแสดงความเสียใจกับการเสียชีวิตของคุณศรีพรรณ และขออโหสิกรรม
ต่อมา ทนายเดชา ตั้งโต๊ะแถลงกับนายซัน หลานของอากู๋ พร้อมจี้ทนายความของอีกฝ่ายรับผิดชอบหลังแนะให้สู้คดี พร้อมเปิดข้อความแชทสุดท้ายที่ผู้ตายส่งให้ ทนายเดชา ยังได้นำบทสนทนาระหว่าง น.ส.ภานุมาศ ผู้เสียชีวิต และ อากู๋ เจ้าของบ้าน มาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน ระหว่างแถลงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยในคลิปดังกล่าว อากู๋ กล่าวว่า "การเจรจามันต้องให้เกียรติกัน แล้วจริงๆ มันจะไม่เลยเถิด ถ้าไม่ไปแจ้งปรปักษ์"
ก่อนที่ น.ส.ภานุมาศ กล่าวว่า เราจะถอนปรปักษ์แล้วค่ะ ทุกคนจะมาแนะนำเราว่า ทำแบบนี้สิ โดนคดีความไปแล้ว เกิน 13 ปีแล้ว ต้องทำแบบนี้ถึงจะชนะ ยอมรับเลยว่าทุกอย่างไม่เป็นตัวของตัวเองเลย เมื่อวานเพิ่งเรียกคุยกับทนายแล้วหนูก็กราบเท้าเขาเลย ว่าหนูไม่อยากทำแล้ว ไม่ใช่เจตนาของหนูตั้งแต่แรก พี่สาวเข้าไปดูแลบ้านจริงๆ