เฉลยแล้ว ลูกไฟปริศนา โผล่มารัวๆ บนท้องฟ้าเมืองไทย คืออะไร อันตรายหรือไม่

07 มีนาคม 2567

NARIT เฉลยแล้ว ลูกไฟปริศนาสีเขียวดวงใหญ่ สว่างวาบบนท้องฟ้า โผล่รัวๆ น่านฟ้าเมืองไทย วันที่ 6 มี.ค.67 คืออะไร จะมีอันตรายหรือไม่

เป็นประเด็นที่หลายคนสนใจอย่างมาก เมื่อปรากฎลูกไฟสีเขียวดวงใหญ่ สว่างวาบบนท้องฟ้าเมืองไทย เมื่อวันที่ 6 มี.ค.67 เวลาประมาณ 19.15 น.โดยสามารถมองเห็นกันในหลายๆพื้นที่ทั่วประะเทศ ถือเป็นลูกไฟ ล่าสุดบนท้องฟ้าเมืองไทย ครั้งที่ 2 ที่เห็นได้ชัดเจน ต่อเนื่องจากวันที่ 4 มี.ค.67 ที่ผ่านมา

 

เฉลยแล้ว ลูกไฟปริศนา โผล่มารัวๆ บนท้องฟ้าเมืองไทย คืออะไร อันตรายหรือไม่  

ล่าสุดทาง สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูล ถึงลูกไฟขนาดใหญ่-ดาวตก  ดังกล่าวว่า ครั้งนี้เป็นคนละชนิดกับรอบที่ผ่านมา 

 

ช่วงหัวค่ำ 6 มีนาคม 2567 มีผู้พบเห็นแสงสว่างวาบเป็นทางยาว เหนือท้องฟ้าหลายพื้นที่ในภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ของไทย  แสงดังกล่าวปรากฏขึ้นประมาณสองครั้ง เวลาประมาณ 19:13 น. มีลักษณะหัวเป็นสีฟ้า หางเป็นสีเขียว จากนั้นแตกออกเป็น 2-3 ส่วน และเวลาประมาณ 20:21 น. ปรากฏขึ้นอีกหนึ่งครั้ง มีสีส้ม มองเห็นด้วยตาเปล่าได้อย่างชัดเจน คาดว่าเป็น “ดาวตกชนิดระเบิด

เฉลยแล้ว ลูกไฟปริศนา โผล่มารัวๆ บนท้องฟ้าเมืองไทย คืออะไร อันตรายหรือไม่

 

นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการและสื่อสารทางดาราศาสตร์ สดร. กล่าวว่า สำหรับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงหัวค่ำวันที่ 6 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา มีผู้พบเห็นแสงสว่างวาบบนท้องฟ้าคล้ายดาวตก 2 ครั้ง ติดต่อกัน ครั้งแรกเวลาประมาณ 19:13 น. ปรากฏเป็นทางยาวพาดผ่านท้องฟ้าจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก ส่วนหัวมีสีฟ้า ส่วนหางมีสีเขียว ขณะเดียวกันได้แตกออกเป็น 2-3 ส่วน ส่วนหัวมีสีส้ม หางสีเขียว จากนั้นอีกประมาณ 1 ชั่วโมงถัดมา ปรากฏขึ้นอีกครั้งเวลาประมาณ 20:21 น. มีสีส้ม พบเห็นแต่ละครั้งนานประมาณ 10 วินาที

ลูกไฟล่าสุด มองเห็นเกือบทั้งประเทศ

เหตุการณ์ครั้งนี้พบเห็นได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจนในหลายจังหวัดกระจายอยู่เกือบทุกภูมิภาคของไทย อาทิ ราชบุรี เพชรบุรี กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ อยุธยา ฉะเชิงเทรา กรุงเทพมหานคร นครราชสีมา ปราจีนบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี นครสรรค์ ศรีสะเกษ ชุมพร บุรีรัมย์ ชลบุรี สมุทรสาคร นครปฐม นครนายก ระยอง ชัยภูมิ เชียงใหม่ เป็นต้น 

เฉลยแล้ว ลูกไฟปริศนา โผล่มารัวๆ บนท้องฟ้าเมืองไทย คืออะไร อันตรายหรือไม่


จากข้อมูลดังกล่าวคาดว่าอาจเป็นดาวตกชนิดระเบิด ซึ่งเกิดจากวัตถุท้องฟ้าขนาดเล็ก เช่นดาวเคราะห์น้อย หรือเศษชิ้นส่วนที่กระเด็นจากการพุ่งชนบนดวงจันทร์หรือดาวอังคาร เป็นต้น เมื่อเศษชิ้นส่วนดังกล่าวเคลื่อนที่เข้ามายังชั้นบรรยากาศโลก เสียดสีกับอนุภาคในชั้นบรรยากาศ เกิดความร้อนสูงจนลุกไหม้จึงมองเห็นเป็นแสงสว่างวาบพาดผ่านท้องฟ้า ที่เราเรียกว่า ดาวตก  


กรณีที่เศษชิ้นส่วนมีขนาดใหญ่ ความร้อนและแสงสว่างที่เกิดขึ้นก็จะมากขึ้นตามไปด้วย หากมีความสว่างเทียบเท่ากับความสว่างของดวงจันทร์เต็มดวง หรือเกิดการระเบิดขึ้นกลางอากาศ นักดาราศาสตร์จะเรียกว่า ดาวตกชนิดระเบิด (Bolide)
นายศุภฤกษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ดาวตกในครั้งนี้ยังปรากฏสีที่แตกต่างกันออกไป มีทั้งสีเขียว สีฟ้า สีส้ม โดยมีปัจจัยที่ส่งผลต่อสีของดาวตก ขึ้นอยู่กับสองปัจจัยได้แก่ องค์ประกอบทางเคมี โมเลกุลของอากาศโดยรอบ ขณะพุ่งเข้าชนกับชั้นบรรยากาศโลกด้วยความเร็วสูงมาก เกิดการเสียดสีและเผาไหม้ ทำให้อะตอมของดาวตกเปล่งแสงออกมาในช่วงคลื่นต่าง ๆ เราจึงมองเห็นสีของดาวตกปรากฏในลักษณะที่แตกต่างกัน 

เฉลยแล้ว ลูกไฟปริศนา โผล่มารัวๆ บนท้องฟ้าเมืองไทย คืออะไร อันตรายหรือไม่
ในแต่ละวันจะมีวัตถุขนาดเล็กผ่านเข้ามาในชั้นบรรยากาศโลกเป็นจำนวนมาก เราสามารถพบเห็นได้เป็นลักษณะคล้ายดาวตก และยังมีอุกกาบาตตกลงมาถึงพื้นโลกประมาณ 44-48.5 ตันต่อวัน แต่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ห่างไกลผู้คน จึงไม่สามารถพบเห็นได้ ดาวตกนั้นจึงเป็นเรื่องปกติ และสามารถอธิบายได้ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์

ลูกไฟ โผล่มาติดๆกัน จะมีอันตรายหรือไม่ ?


ด้าน สมาคมดาราศาสตร์ไทย ก็ได้ออกมาอธิบายเช่นกันว่า  2 วันนี้ มีลูกไฟโผล่มารัวๆ มีอะไรต้องกลัวไหม ?? จากสถิติ ดาวตกที่สว่างระดับลูกไฟมีคืนละกว่าร้อยดวงทั่วโลก ดังนั้น การที่พบลูกไฟสองครั้งในพื้นที่เดียวกันภายในเวลา 2 วัน ยังไม่ถือว่าผิดปกติ

เฉลยแล้ว ลูกไฟปริศนา โผล่มารัวๆ บนท้องฟ้าเมืองไทย คืออะไร อันตรายหรือไม่