จากรณีเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา สืบนครบาล ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายวัชรวิทย์ หรือ ครูเปรม อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.173/2567 ลงวันที่ 21 ก.พ. 67 ข้อหา พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุสมควรเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ มีลักษณะอันลามก จับกุมตัวได้ที่ ห้องพักครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
พฤติการณ์ครูเปรม กล่าวคือ เด็กสาว ม.ปลาย อายุ 16 ปี ก้มกราบเท้าผู้เป็นแม่เพื่อขอลาไม่อยากมีชีวิตต่อ โดยเรื่องราวสุดแสนหดหู่ใจเกิดขึ้นในครอบครัวเล็กๆในย่านฝั่งธนบุรี กรุงเทพฯ เมื่อบุตรสาวคนเดียวของครอบครัวต้องเจอกับอาชญากรผู้ใคร่เด็กในคราบ "ครูฝึกสอน" ทำให้เธอเหมือนตายทั้งเป็น
โดยจุดเริ่มต้นเรื่องราวเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2565 เมื่อเด็กสาววัย 16 ปี ได้เข้าเรียนชั้น ม.4 ที่โรงเรียนหญิงล้วนย่านภาษีเจริญ แล้วได้พบกับ “ครูเปรม” หนุ่มร่างสูงหน้าตาดีวัย 25 ปี ดีกรีจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านปทุมวัน ซึ่งเป็นครูฝึกสอนในโรงเรียนของเธอ ด้วยความสูงหล่อคารมดี แต่ภายในคือจิตใจที่ "ใคร่เด็กสาว" มักพุ่งเป้าไปที่เด็กสาวที่หัวอ่อนและล่อลวงง่าย เคราะห์ร้ายจึงมาตกที่ น.ส.เอ (นามสมมุติ) เด็กสาว ม.4 วัย 16 ปี ที่ครูเปรมมักเดินผ่านห้องเรียนเธอทุกวันและแอบมองเธอทุกกิจกรรมในโรงเรียน ก่อนจะอาศัยความเป็นครู ตีสนิทใช้หลักการตกลงเป็นแฟนกัน ฉวยโอกาสที่เด็กสาวยอมทุกอย่างถ่ายคลิปลับ โดยหลอกเด็กสาวว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนเป็นแฟนกัน
และเวลาก็ผ่านไปครูเปรมหลบหนีการเกณฑ์ทหารด้วยการบินไปอยู่ประเทศเยอรมัน เป็นเวลากว่า 9 เดือน ด้วยระยะทางที่ไกลกัน และทั้งสองตกลงเลิกกันในที่สุด ผ่านไปจนกระทั่งปลายปี 2566 เด็กสาวเติบโตขึ้นเข้าสู่ช่วงมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 และกำลังได้พบกับความรักครั้งใหม่ เธอโพสต์ภาพคู่รักใน IG ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานเรื่องราวสุดแสนหดหู่ได้เริ่มขึ้น เมื่อจู่ๆ IG ของเธอก็มีคนติดตามเพิ่มขึ้นมาจำนวนมากอย่างไม่มีเหตุผล จนมีพลเมืองดีได้ทักไปบอกกับเธอว่า "คลิปลับ" ของเธอได้หลุดในโลกอินเตอร์เน็ต และเมื่อพลเมืองดีดังกล่าวเปิดวาร์ปให้เธอเข้าไปดูคลิปก็พบว่าเป็นคลิปลับระหว่างเธอกับครูหนุ่ม สมัยที่เธออยู่ ม.4 และที่เลวร้ายมากคือการโพสต์ชื่อ IG ของเธอไว้ในคลิปนั้นด้วย
ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงเพื่อนที่มหาวิทยาลัยของเธอเริ่มทักหาเธอในเรื่องนี้ มันเลวร้ายเกินกว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะรับได้จริงๆ เธอกลายเป็นคนซึมเศร้าเหมือนคนจิตหลุดลอยและไม่ไปเรียนที่วิทยาลัย ผู้เป็นแม่เห็นความผิดปกติโอบกอดลูกสาวที่เหมือนคนไร้วิญญาณ เสียงสั่นเครือพร้อมน้ำตาเล่าให้ทีมสืบสวน ผู้การจ๋อ ว่า “หนูขอลาออกได้มั้ย หนูไปโรงเรียนไม่ได้จริงๆ” สัญชาตญาณของแม่สัมผัสได้ทันที จึงเริ่มสอบถามลูกสาวตัวเองจนทราบว่า หลังจากที่เธอเลิกกับครูรายนั้นแล้ว ครูยังคอยทักมาหาเด็กสาวพยายามโน้มน้าวให้กลับไปพลอดรักกันดังเดิมอยู่เรื่อยๆ ซ้ำยังเข้ามาแอบส่อง IG ของเธออยู่ตลอด ลักษณะเหมือนคนโรคจิต
ทั้งนี้ ชนวนระเบิดของการปล่อยคลิปนั้นคือภาพคู่กับแฟนใหม่ใน IG ที่ไปกระตุ้นความคลั่งเด็กของคนร้ายรายนี้ ผู้เป็นแม่ไม่เพียงแต่ทุกข์ใจที่ลูกถูกกระทำ ยังทุกข์ใจที่เด็กสาวตัวน้อยต้องแบกรับเรื่องนี้มาโดยลำพัง ความหดหู่ไปทั้งครอบครัว สุดท้ายจนเธอดีขึ้นและกำลังจะเดินทางไปแจ้งความ
ต่อมาเมื่อคลิปลับได้ถูกปล่อยออกมาระลอกที่ 2 โดยถูกปล่อยเว็บไซต์ใหญ่มีผู้เข้าชมในจำนวนมาก สติของเด็กสาวเริ่มดับวูบ ผู้เป็นแม่ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.แสมดำ หลังจากนั้นไม่นานก็ได้มีการออกหมายจับครูรายนี้ในที่สุด ซึ่งเรื่องราวนี้กำลังจะจบลง แต่ว่าคลิปลับถูกปล่อยอีกครั้ง ระลอกที่ 3 แถมยังถูกปล่อยในไปโลกโซเชียลของสถาบันที่เด็กสาวศึกษาอยู่
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สั่งชุดสืบทีมมือดีไล่ล่าโรคจิตรายนี้ทันที โดยชุดสืบสวนสืบได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวว่าครูภัยร้ายรายนี้เคยมีพฤติกรรมทำกับเด็กนักเรียนหญิงในลักษณะนี้มาแล้ว จนถึงขั้นถูกไล่ออกจากการเป็นครูฝึกสอนในโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านพญาไท และคนร้ายกำลังคบหากับ “เด็กสาว” รายใหม่ซึ่งยังมีอายุน้อย และคนร้ายพึ่งจะเข้าบรรจุเป็นครูอัตราจ้างอยู่ในโรงเรียนชื่อดังย่านหาดสมิหลา จ.สงชลา จึงนำกำลังบุกจับทันที และสามารถจับกุมตัวได้ในที่ห้องพักครูภายในโรงเรียน
จากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์พบคลิปที่มีสัมพันธ์กับเด็กนักเรียนไม่ต่ำกว่า 15 คลิป และมีภาพวาบหวิวที่นักเรียนส่งมาให้อีกไม่ต่ำกว่า 10 ราย และยังพบแชทสนทนาคุยสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเด็กนักเรียนอีกหลายราย จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง โดยระหว่างนี้อยู่ระหว่างขยายผลที่ บก.สส.บช.น.
ในชั้นจับกุม นายวัชรวิทย์ฯ ให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่าทำการพรากเด็กไปมีสัมพันธ์และถ่ายคลิปไว้จริง แต่ไม่ยอมรับว่าเป็นผู้ปล่อยคลิปดังกล่าว โดยให้การว่า “ตนเองจบปริญญาตรีคณะครุศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านปทุมวัน ตนมีรสนิยมหรือสเปค ชอบหญิงสาวผมยาว สวมใส่แว่นตา โดยเฉพาะเด็กสาวที่สวมเครื่องแบบนักเรียนมัธยม หรือชุดนักศึกษา และสวมใส่แว่นตา และในส่วนรสนิยมการมีสัมพันธ์กับน้องผู้เสียหาย นั้น ยอมรับว่าตนมีรสนิยมทางเพศที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจงคือ ชอบให้ตนเองผูกมัดมือ มัดเท้า และเอาผ้าปิดตา สวมใส่เครื่องแบบนักเรียนตนเองชอบมักจะนำโทรศัพท์มาบันทึกคลิปวิดีโอลับ เป็นคลิปสั้นๆ จำนวนหลายคลิป เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกและเป็นความชอบส่วนตัว
ส่วนเรื่องคลิปหลุด ตนรับว่าได้ถ่ายคลิปไว้จริง โดยบันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือเครื่องส่วนตัวและเก็บไว้ดูเอง และบันทึกลงในโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คส่วนตัวเท่านั้น มิได้บันทึกลงในฐานข้อมูลออนไลน์แต่อย่างใด น่าจะเป็นตอนที่ตนเองนำโทรศัพท์ไปซ่อมตอนอยู่ประเทศเยอรมัน ส่วนที่มีการแปะ IG ผู้เสียหายนั้นตนเองขอไม่ตอบ หลังจับกุมตัว ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.แสมดำ เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า จากการสืบสวน คนร้ายนี้ถือว่าเป็นภัยต่อสังคมอย่างยิ่ง ซึ่งสภาพภายนอกดูดี มีโปรไฟล์จบการศึกษาในมหาวิทยาลัยระดับสูง แต่โดยลึกในจิตใจมีลักษณะใคร่เด็ก หรือ pedophilia ที่เด่นชัดในคดีนี้คือพยายามที่จะกระทำกับเด็กซ้ำๆ และจากการสืบสวนพบพยานหลักฐานบรรดาเหล่านักเรียนที่เคยเป็นลูกศิษย์ของคนร้ายหลายราย เข้าข่ายถูกกระทำในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน โดยคนร้ายเคยผ่านการสอนในโรงเรียนมัธยมมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 โรงเรียน เชื่อได้ว่ายังมีผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่ออีกหลายราย