ทางด้าน "พญ.ศศิ ใหญ่สว่าง" จักษุแพทย์ เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า โซดาไฟ สารเคมีเข้าตาที่น่ากลัวที่สุด
ตั้งแต่เป็นหมอกระจกตามา คนไข้สารเคมีเข้าตา ที่ถึงขั้นตาบอด เซลล์ต้นกำเนิดตาย จนต้องปลูกถ่ายตา ล้วนเกิดจากโซดาไฟทั้งสิ้น
ลำพังตัวโซดาไฟอย่างเดียว หากใช้ตามคำแนะนำ ยากที่จะเข้าตาได้ แต่ scenerio ของคนไข้ทุกราย ล้วนมาจากการเทโซดาไฟผสมสารอื่น จนระเบิดเข้าตา
แรกเริ่มจะเป็นแผลเรื้อรังไม่หาย เซลล์ต้นกำเนิดตาย เปลือกตาติดกันลืมตาไม่ได้ กลายเป็นต้อหินตามมา สมัยศึกษาต่อด้านกระจกตา เจอคนไข้ลักษณะนี้ถูกส่งตัวมานับไม่ถ้วน กว่าจะรักษาให้กลับมามองเห็นอีกครั้ง ต้องรอตัวโรคสงบหลักปี รอทำเปลือกตาใหม่ให้ลืมตาได้ แล้วปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ต่อ จนทุกอย่างเรียบร้อยดี จึงขอปลูกถ่ายกระจกตาจากผู้เสียชีวิต สูญเสียโอกาสในการมองเห็นไปหลายปี และไม่มีทางกลับมามองเห็นเท่าเดิม
คนไข้ในภาพก็เช่นกัน เทผสมโซดาไฟกับน้ำยากัดท่อ จนระเบิดใส่ตา เหมือนเคสทั้งหมดที่เคยเจอมา ความสำคัญ คือ รีบล้างตาทันที คุมการอักเสบเต็มที่ และรีบรักษาแผลให้ปิดเร็วที่สุด
คนไข้รายนี้โชคดี โดนแล้วมา รพ.ทันที รีบนำเยื่ออักเสบออก ให้ยาลดการอักเสบทันทีและเต็มที่ตลอดทั้งคืน จนสุดท้ายกู้สเต็มเซลล์กลับมาได้ แผลหายดี รอด ตาไม่บอด กระจกตาใสเหลือแค่ขอบเปลือกตาบนที่เป็นเนื้อตาย ค่อยปรึกษาจักษุแพทย์เปลือกตาอีกที
สารเคมีเข้าตา ภาวะตาบอดที่ป้องกันได้ ให้ใส่แว่นเวลาทำงาน ไม่ผสมสารเคมีแปลกประหลาดเข้าด้วยกันโดยไม่มีข้อมูล และหากเข้าตาแล้ว ให้รีบมา รพ.เร็วที่สุด