เรียกได้ว่าเป็นประเด็นที่น่าจับตาอย่างมาก กรณีที่ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้นำข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับส่วยและเส้นเงิน มายื่นใหักับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.ให้ตรวจสอบ ซึ่ง บิ๊กเต่า ได้ขอขอบคุณทนายตั้มที่นำข้อมูลมาให้ ที่อ้างว่าเชื่อมโยงไปถึงนายตำรวจระดับสูง และญาติ ที่ได้มากจากบัญชีม้าเว็บพนัน และเรื่องส่วยที่ได้รับข้อมูลจากสายลับ ยันดำเนินการตามหลักฐานทุกขั้นตอน บ้านเมืองต้องอยู่ด้วยกฎหมาย ปัดเป็นเด็กของ ผบ.ตร. ที่เติบโตมาจากการทำงาน
ต่อมา ทนายตั้ม เปิดใจว่า วันนี้ที่มายื่นหลักฐานดังกล่าว ยังไม่ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีในมาตรา157 กับใคร เพราะเราก็กลัวว่าเขาจะมีระยะเวลาเพียงแค่ 1 เดือนก่อน ส่ง ป.ป.ช. หากกอดสำนวนไว้ หรือไม่ได้อะไรคืบหน้า ก็จะกลายเป็นสำนวนโบ๋ ตนจึงนำให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติไปตรวจสอบเส้นเงินทุกเส้นที่ตนเองแถลงข่าวไปก่อน ว่าเป็นของจริง โอนให้กับญาติของ ผบ.ตร. ตำรวจ การทำบุญวัด และส่วยที่มีใบเสร็จ ว่าเป็นของจริงหรือไม่ เพื่อให้สืบสวนต่อว่าถึงการโอนไปทุกเดือนแบบนี้
ส่วนของผู้กระทำความผิด ก็จะให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ไปดำเนินการสืบสวนต่อ หลังจากได้เส้นเงินที่ถูกต้องจากธนาคารโดยตรง เพื่อนำมายืนยันว่าเป็นเส้นเงินจริงๆ จะได้มีการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ยอมรับว่า จากการฟัง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ก็ทำให้สบายใจขึ้นมาก เพราะท่านบอกว่าถ้าเป็นตำรวจเลวก็มีหน้าที่กำจัดอยู่แล้ว ต่อให้จะเป็นผู้บังคับบัญชา
ขอให้สื่อรอจับตาดูในช่วงอาทิตย์หน้าว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น และตนเองจะทำอะไรต่อไป รวมถึงในวันเสาร์นี้ จะมีไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่ง เวลา 10.00 น. พร้อมเรียนเชิญสื่อไป โดยนายษิทรา ขอไม่ตอบว่าเป็นวัดเดียวกับที่เปิดเผยเรื่องเส้นเงินหรือไม่ และขอให้รอติดตาม
ในส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ตั้งทนายความ เพื่อฟ้องตนเองนั้น นายษิทรา ระบุว่า ทราบแล้วว่าเป็นทนายคนไหน จึงอยากให้ ผบ.ตร.คิดดูให้ดี เพราะ ทนายคนดังกล่าวเคยฟ้องร้องตนเองในข้อหาหมิ่นประมาทมาแล้วถึง 6 คดี และศาลก็ยกฟ้องตนเองทุกคดี จึงขอให้ ผบ.ตร. คิดดูให้ดีก่อน รวมถึงตนเองก็ฟ้องเขาไปเหมือนกันในคดีแพ่ง ซึ่งศาลตัดสินให้ชำระเงิน แต่ก็ยังไม่มีการชำระเงินให้ตนเองเลยจนถึงตอนนี้
ทนายคนดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสายตา และไม่ได้สนใจ เพราะวันนี้เราไม่ได้สนใจในเรื่องเล็กๆ ดังกล่าว แต่เรามาสนใจเรื่องใหญ่คือเรื่องส่วย ส่วนข้อมูลที่นำมายืนยันว่าทำเต็ม 100 แต่ข้อมูลตำรวจจะต้องไปหาเพิ่มด้วยตัวเอง ไม่ใช่อ้างอิงข้อมูลของตน จึงจะเป็นสำนวนคดีที่ชอบด้วยกฎหมาย ตนเป็นเหมือนคนชี้ช่องที่เส้นเงินมันไป
และที่หลายคนมองว่าตนเองออกมาป่วน จากการที่ตำรวจระดับสูง 2 คนทะเลาะกัน โดยตนเองมองว่า มีหลายช่องมาถามเรื่องความสนิทกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. และได้ตอบชัดไปหมดแล้ว แล้วแต่คนจะคิด สิ่งที่ตนทำผลประโยชน์ได้กับชาติหรือไม่ เรื่องอื่นขอให้ไม่ต้องไปสนใจ วันนี้มาทำเรื่องส่วยด้วยกันดีกว่า
ยืนยันว่า หากมีหลักฐาน เกี่ยวกับการกระทำความผิดของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่เป็นหลักฐานใหม่ก็จะทำต่อให้หนักใจแค่ไหนก็ตาม โดยตอนนี้ข้อมูลที่ตนเองมี และเกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังมีเท่ากับที่ตำรวจมี และแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว ในสายลับของตนเองก็ยังไม่มีอะไรใหม่เช่นกัน
ย้ำว่าแม้ตนกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะสนิทกัน แต่หากทำผิดก็ช่วยอะไรไม่ได้ หากมีหลักฐานใหม่ แล้วไม่มีใครกล้าทำ ตนเองก็พร้อมที่จะทำ ส่วนการที่สายลับออกมาแฉข้อมูลให้ตนเองนั้น เพราะทนไม่ไหว และไม่อยากตกเป็นเครื่องมือแล้ว
นอกจากนี้ ทนายตั้ม ได้กล่าวเพิ่มเติมทิ้งท้ายว่า ตนเองมั่นใจ บิ๊กเต่า ก่อนหน้านี้ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่พอได้คุยกันแล้วมั่นใจเพิ่มเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ ขอรอดูการทำสำนวนก่อน หากไล่เส้นเงินได้อย่างที่ตนเองต้องการ ตนเองจะให้ใจ และเรียกว่า “ลูกพี่เต่า” แม้ขนาด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตนเองยังไม่เคยเรียกลูกพี่เลย