สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 เม.ย.67 ที่ผ่านมา ร.ท.สถาพร วัย 74 ปี ทหารผ่านศึกสงครามเวียดนาม - ลาว เข้าพบ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อร้องทุกขอความช่วยเหลือ กรณีที่ลูกสาวไปซื้อรถยนต์ยี่ห้อดัง 1.3 ล้าน ให้ใช้ แต่ขับได้เพียง 1 วัน เครื่องยนต์เกิดขัดข้องมีเสียงดัง รถสั่น ต้องเอาขับเข้า - ออก ศูนย์ฯซ่อมหลายครั้ง สร้างความเดือดร้อนมาก ซ้ำเจอคำพูด ผจก.ศูนย์ฯยิ่งเจ็บใจ
โดย ร.ท.สถาพร กล่าวว่า ตนผิดหวังมาก ตนมาซื้อรถยนต์ยี่ห้อนี้เพราะเห็นคันใหญ่ รูปทรงสวยงาม แต่พอมาเจอปัญหาตั้งแต่วันแรก ตนพยายามใจดีสู้เสือ ให้ศูนย์เอารถกลับไปแก้ไข พอแก้ไขเสร็จตนเอารถกลับมาใช้อาการก็เป็นแบบเดิมอีก จึงอยากให้ศูนย์รับผิดชอบด้วยการเปลี่ยนคันใหม่ ไม่อยากใช้คันเดิมอีกแล้ว
ด้าน น.ส.ผึ้ง อายุ 44 ปี ลูกสาว กล่าวว่า ตั้งใจซื้อรถคันนี้ให้คุณพ่อกับคุณแม่ไว้ใช้เดินทาง คุณพ่อเป็นทหารผ่านศึก ขาขาดทั้ง 2 ข้าง เวลาเดินทางไปไหนจะต้องนำรถเข็นไฟฟ้าติดรถไปด้วย ตนเห็นว่ารถยี้ห้อนี้คันใหญ่และเป็นรถ 2 ระบบ เวลาคุณพ่อคุณแม่เดินทางไปธุระจะสะดวก จึงตัดสินใจซื้อ แต่วันแรกที่ออกรถมารถก็มีปัญหาเครื่องเสียงดัง รถสั่น จึงได้นำรถเข้าไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการย่านบางบัวทอง ทางช่างแจ้งว่าเครื่องยนต์วางผิดจุด ได้แก้ไขด้วยการถอดเครื่องยนต์มาติดตั้งให้ใหม่แล้ว ตนจึงเข้าไปรับรถมาใช้ แต่พอขับไปสักระยะ อาการเดิมก็กลับมาอีก จึงนำรถเข้าไปซ่อมอีกครั้ง
ครั้งนี้ช่างก็ยกเครื่องออกมาอีก จากนั้นก็ประกอบใส่ไป แล้วก็แจ้งว่าซ่อมเสร็จแล้ว พอตนไปรับรถแค่สตาร์ท ก็พบว่ามีไฟเตือนรูปเครื่องยนต์ทันทีจากนั้นเครื่องยนต์ก็สั่นขึ้นมาอีก ตนจึงขอพบผู้จัดการศูนย์พร้อมทั้งแจ้งว่าขอเปลี่ยนคันใหม่ ตนไม่ไหวแล้วกับรถคันนี้ รถใหม่ป้ายแดงแท้ๆ แต่เครื่องยนต์กลับมาปัญหา
แต่ทาง ผจก.แจ้งว่าศูนย์ยินดีซ่อมให้ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนให้ได้ กรณีที่จะเปลี่ยนให้ได้คือ "ถ้าลูกค้าขับต่อไปลูกค้าตายโหงแน่ ศูนย์ถึงจะเปลี่ยนรถให้" ตนเสียใจมากไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้ ตนเป็นห่วงความปลอดภัยของพ่อกับแม่ที่ต้องมาใช้รถแบบนี้ จึงได้ปรึกษากับเพื่อนๆ ทางเพื่อนและคนรู้จักหลายคนได้แนะนำให้ตนมาขอความช่วยเหลือจาก ท่านเอกภพ เพจสายไหมต้องรอด ตนตัดสินใจมาร้องขอความช่วยเหลือดังกล่าว
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย / ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ภายหลังรับแจ้งเตรียมประสานไปยัง เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายในกรณีดังกล่าวแล้ว