กลายเป็นเรื่องราวที่น่าจับตาอย่างมาก กรณี ตาชาญ หรือ ร.ต.ชาญ อดีตข้าราชการแพทย์ทหารเกษียณอายุ วัย 74 ปี ที่สายไหมต้องรอด และ ดาบยุทธได้ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือ คุณตาชาญ ที่พักอาศัยในพื้นที่รามอินทรา บางเขน โดยตาชาญอดีตแพทย์ทหาร ถูกลูกหลานทอดทิ้งให้นอนอยู่กับสุนัข และยังพบว่าคุณตายังมีมรดกที่ดินมูลค่า10ล้าน ทำเลทองติดรถไฟฟ้า เก็บเอาไว้ให้ลูก
โดยทางด้าน คุณตาชาญ พักอาศัยอยู่ที่ซอยรามอินทรา 23 แยก 26 เขตบางเขน กทม. เจ้าหน้าที่ไปพบคุณตาอยู่ในสภาพอิดโรย ไม่ได้ทานข้าวและน้ำมาหลายวัน จากการสอบถามเพื่อนบ้านทราบว่า คุณตาชาญเป็นคนมีฐานะ มีเงินเก็บนับล้านบาท เคยเป็นข่าวดังเมื่อปีก่อนเนื่องจากคุณตามีการนำศพภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากมาเก็บไว้ที่บ้านและนอนเฝ้าศพมานานกว่า 21 ปี สุดท้ายพอตัวเองแก่ชรา จึงตัดสินใจขอให้ทางมูลนิธินำศพคุณยายไปเผา เพราะเกรงว่า หากตนเป็นอะไรไป จะไม่ทันได้เผาศพภรรยา
หลังเสร็จงานศพภรรยาคุณตาชาญ ทาง จนท.มูลนิธิเพชรเกษม พบว่าคุณตามีเงินฝากในบัญชีธนาคารนับล้านบาท แต่หลังจากนั้นมาทราบภายหลังว่า ลูกได้พาคุณตาไปถอนเงินมาจนหมดบัญชีแล้ว และสุดท้ายก็ทิ้งคุณตาอยู่ที่บ้านตามลำพังกับสุนัขอีกประมาณ 5 ตัว เป็นที่น่าเวทนากับเพื่อนบ้านเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ คุณตาชาญ ได้รับการดูแลจาก กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. เรียบร้อยแล้ว พร้อมวอนขอให้ทางครอบครัวรับตาชาญไปดูแลต่อ เพราะจากการพูดคุยกับคุณตายังรักและห่วงลูกอยู่มาก แถมยังมีที่ดินติดถนนรามอินทรา มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท เก็บไว้ให้ลูกๆทั้ง 2 คน
ล่าสุด จากที่เรื่องดังกล่าวกลายเป็นข่าว ฝั่งลูกของคุณตาชาญ ก็ได้ออกมาชี้แจงแล้ว โดยทาง ข่าวช่อง 8 เปิดเผยว่า ปุ้ย (นามสมมติ) ลูกของคุณตาชาญ ซึ่งปัจจุบันประกอบอาชีพเป็นสัตวแพทย์ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกที่ทอดทิ้งพ่อ โดยเจ้าตัวเปิดสลิปการโอนเงินให้กับ เนอสเซอรี่ดูแลผู้สูงอายุ โดยมีการโอนเงินเมื่อเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2566 จำนวนเงิน 16,000 บาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับฝากเลี้ยงดูพ่อ
แต่หลังจากนั้นพ่อด้วยความที่เป็นห่วงบ้านและคิดถึงกระดูกแม่ จึงอยู่ได้ไม่พ้นวันและขอกลับมาบ้าน ลูกจึงต้องพาพ่อกลับมาเพราะเนื่องจากมีการโวยวายและต่อว่าลูกไม่พอใจ ก็เลยต้องพากลับมาไว้ที่บ้านหลังเดิม
ซึ่ง ลูกคุณตาชาญ อยากจะบอกกับสังคมและรวมถึงเพื่อนบ้านที่ตั้งคำถาม รวมถึงสร้างข่าวว่าทำไมถึงทอดทิ้งและไม่ดูแลพ่อ ว่า ที่ผ่านมาตนเองคอยดูแลพ่อ เวลาเจ็บป่วยก็พาไปโรงพยาบาล และก่อนหน้านี้ช่วงเดือนกันยายน 2566 ก็เคยพาพ่อไปฝากที่เนอสเซอรี่เพื่อให้มีคนดูแล เนื่องจากตนเองต้องทำงานหนัก ต้องหางานและหาเงินเพิ่มขึ้น แต่ก็พยายามหาเงิน เพื่อที่จะพาพ่อไปอยู่เนอสเซอรี่ แต่ก็ไม่คิดว่าการที่ตนเองดูแลพ่อดีอยู่แล้ว จะถูกสังคมตั้งคำถามว่า ทำไมทอดทิ้งไม่ดูแลพ่อ