กลายเป็นเรื่องราวสุดคาใจให้กับครอบครัว กรณีเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า หนุ่มเพิ่งกลับจากทำงานที่ไต้หวันได้เพียง 9 วัน สภาพถูกปาดคอจนหลอดลมเกือบขาดอาการโคม่า นอนจมกองเลือดอยู่หลังบ้านตัวเอง ในมือมีมีดทำครัว 1 เล่ม และยังพบคัตเตอร์เปื้อนเลือดวางอยู่บนตู้ไม้ใกล้กับจุดที่ผู้บาดเจ็บ เหตุเกิดเวลาประมาณ 05:43 น. วันที่ 26 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา แต่ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์เพราะผู้บาดเจ็บอาศัยอยู่บ้านเพียงคนเดียว
โดยทราบชื่อต่อมาว่าผู้บาดเจ็บคือ นายสุเดช ขอเป็นไทย หรือ หน่อมแน้ม อายุ 33 ปี ซึ่งวงจรปิดเผยให้เห็นว่า นายสุเดช เดินเข้าออกบ้านและเสียงดังมาจากในบ้านเท่านั้น
ต่อมามีรายงานล่าสุดเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาว่า นายสุเดช ได้เสียชีวิตแล้ว และเช้าวันที่ 29 เม.ย.67 นางสาวี ผู้เป็นแม่ และครอบครัวก็ได้มาเดินเรื่องเพื่อติดต่อรับศพที่อาคารพักศพ โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจ โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ที่ยังทำใจไม่กับการสูญเสียลูกชาย
ซึ่งทางผู้เป็นแม่ยังไม่เชื่อว่าลูกจะทำร้ายตัวเองจนถึงแก่ชีวิต เพราะไม่มีเหตุจูงใจอะไรและลูกก็ไม่เคยมีประวัติป่วยซึมเศร้าหรือจิตเวช แต่ยอมรับว่าดื่มเหล้าก็เป็นปกติของวัยรุ่นก็ดื่มเหมือนคนทั่วไป แต่เชื่อว่ามีคนกระทำด้วยการใช้ของมีคมปาดคอลูกชายแน่นอน เพราะสร้อยทองที่ซื้อจากไต้หวันมูลค่าประมาณ 200,000 บาทหายไป
ส่วนทรัพย์สินและสร้อยทองในกระเป๋าของลูกชายเป็นคนละเส้นกับเส้นที่หายไป ก็อยากให้ตำรวจสืบสวนให้กระจ่างอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าลูกฆ่าตัวตาย อีกทั้งก่อนจะเสียชีวิต แม่ได้พูดกับลูกชายว่าถ้ามีคนทำลูกให้บีบมือแม่แรงๆ ซึ่งลูกชายก็เหมือนจะรับรู้เพราะพอแม่พูดจบเขาก็บีบมือแม่แรงมาก ก็ยิ่งทำให้แม่เชื่อว่าลูกไม่ทำร้ายตัวเองแน่นอน
ด้านตำรวจ สภ.กระสัง ได้ชี้แจงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า พนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นคือ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านได้มอบสร้อยทองและทรัพย์สินอื่นให้กับญาติผู้บาดเจ็บรับไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อจะสรุปหาสาเหตุของการเกิดเหตุต่อไป
อย่างไรก็ตาม ข่าวการเสียชีวิตของ หน่อมแน้ม สุเดช ที่ได้แพร่ออกไปทำให้เพื่อนๆ ได้เข้ามาแสดงความไว้อาลัยต่อการจากไปของ หน่อมแน้ม ในครั้งนี้