จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ มีรายงานการเสียชีวิตของ "นางแคทเทอร์รีน" หญิงชาวฝรั่งเศส อายุ 59 ปี นักธุรกิจเจ้าของวิลล่าให้เช่าบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จบชีวิตตัวเองริมสระน้ำในวิลล่าหรู โดยก่อนเสียชีวิตเธอได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินมูลค่า 100 ล้านให้ ป้าติ๋ม แม่บ้านคนสนิท
ทางด้าน พันตำรวจเอก ไกรฤกษ์ งามศรีอ่อน ผกก.สภ.เกาะสมุย เผยความคืบหน้าการสอบสวนเหตุการเสียชีวิตของ นางแคทเทอรีน ว่าจากพยานหลักฐานและกล้องวงจรปิด ไม่พบใครเข้า-ออก จึงยืนยันว่าจบชีวิตตัวเอง และสอบปากคำแม่บ้านคนสนิท ทนายความ และเพื่อนชาย ก็ไม่พบพิรุธ
ส่วนพินัยกรรมที่ยกทรัพย์สินให้ ป้าติ๋ม คาดไม่ถึงร้อยล้านบาท และพินัยกรรมฉบับนี้ไปทำที่สำนักงานทนายความแห่งหนึ่งในเกาะสมุย เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ไม่ได้นั่งเขียนบนโต๊ะทำงานริมสระว่ายน้ำ แต่เพราะช่วงดังกล่าวนั่งพิมพ์คำสั่งเสีย ก่อนจบชีวิต และพินัยกรรมมอบหมายให้เพื่อนคนสนิทชาวฝรั่งเศส เป็นผู้จัดการมรดก รวมทั้งหุ้นและทรัพย์สินบริษัทฯ ที่ประกอบกิจการโรงแรม ที่พัก รีสอร์ต
ซึ่งทรัพย์สินไม่ได้เป็นของ นางแคทเทอรีน ทั้งหมด เพราะชาวต่างชาติถือครองได้ 49 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือคนไทยถือหุ้นส่วน และในบริษัทก็พบคนไทยคนแรกถือหุ้นร้อยละ 35 และคนไทยคนที่ 2 ถือหุ้นร้อยละ 16
ล่าสุด วันที่ 5 พ.ค. 67 ทางด้าน ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ระบุว่า "ข้อกฎหมายที่ควรรู้กรณีถือกรรมสิทธิ์แทนคนต่างด้าวคุก 2 ปีนะครับ เมื่อเช้าดูข่าวรายงานข่าวคดีแม่บ้านได้รับสมบัติจากแหม่มฝรั่งเศส สำนักข่าวรายงานข่าวทำนองว่าบ้านและที่ดินที่แหม่มฝรั่งเศสยกให้กับคุณแม่บ้านที่จงรักภักดีปรากฏว่าเริ่มมีปัญหาแล้ว? เพราะว่ามีคนไทยถือหุ้นอยู่ในนิติบุคคลด้วย?
ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบต่อไปว่าคนไทยนั้นถือหุ้นในนามตนเองหรือถืกหุ้นในนามของคนต่างด้าว ถ้าถือหุ้นในนามของคนต่างด้าวอาจถูกตรวจสอบจากสำนักงานที่ดินและอาจมี มีความผิดตาม มาตรา 113 ประมวลกฎหมายที่ดินผู้ใดได้มาซึ่งที่ดินแทนคนต่างด้าวมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีและโทษปรับ
แต่ถ้าผู้ถือหุ้นคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นตามความเป็นจริง ทรัพย์มรดกดังกล่าวบางส่วนเป็นของบุคคลภายนอก แหม่มฝรั่งเศสไม่มีสิทธิมายกให้กับคุณแม่บ้าน ดังนั้นคุณแม่บ้านก็จะได้บ้านพร้อมที่ดินแค่บางส่วนเท่านั้นนะครับชี วิตเริ่มยุ่งยากแล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริง #แหม่มฝรั่งเศสยกสมบัติให้แม่บ้าน"