อัปเดตล่าสุดคดี "บ้านปรปักษ์" วันนี้ (7 พ.ค.67) ผู้สื่อข่าวไทยนิวส์รายงานว่า ที่ห้อง 203 ศาลอาญามีนบุรี ถนนสีหบุรานุกิจ ศาลอ่านฟังคำพิพากษา คดีอ.1183/2567 ที่ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญามีนบุรี 1 ยื่นฟ้องน.ส.ศรีพรรณ กับพวกรวม 4 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานบุกรุก,ทำให้เสียทรัพย์ และลักทรัพย์ กรณีจำเลยทั้งหมดบุกรุกบ้านของอากู๋เหมทัศน์ และอ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์เป็นของตนเอง ก่อนจะย้ายออกไปเมื่อปลายปี 2566 และลักลอบกลับเข้ามาอ้างสิทธิ์การครอบครองปรปักษ์อีกครั้ง จึงได้มีการเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.โคกคราม เหตุเกิดที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซอยรามอินทรา 58 กทม.
โดยจำเลยได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ด้วยวงเงินคนละ 50,000 บาท ช่วงเช้าวันนี้อัยการโจทก์และทนายความโจทก์ร่วม จำเลยทั้ง 4 คนพร้อมทนายความ เดินทางมาฟังคำพิพากษา ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อระหว่างปี 2560-2566 จำเลยทั้งสี่ได้บุกรุกเข้าไปยังบ้านหลังที่เกิดเหตุ เนื่องจากเห็นว่าไม่มีใครอยู่ เพื่อจะเข้าไปต่อเติมสิ่งปลูกสร้างและอยู่อาศัย
แต่โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่ามีการบุกรุกในตอนกลางวันหรือกลางคืน จึงต้องฟังให้เป็นคุณแก่จำเลยว่าเป็นการบุกรุกในเวลากลางวัน เเละไม่ได้เป็นการกระทำความผิดโดยบุกรุกอย่างต่อเนื่อง พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 , 365 ประกอบมาตรา 83 การกระทำความผิดเป็นการกระทำกรามเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
ลงโทษฐานบุกรุกจำคุก 6 เดือนปรับ 2 พันบาท เเละความผิดฐานลักทรัพย์จำคุกคนละ1ปีปรับคนละ 2 หมื่นบาท จำเลยทั้ง 4 ให้การรับสารภาพลดกึ่งหนึ่งฐานบุกรุกคงจำคุก 3 เดือนปรับ 1 พันบาท ลดโทษกึงหนึ่งฐานลักทรัพย์คงจำคุก 6 เดือนปรับ 1 หมื่นบาท รวมโทษจำคุกจำเลยทั้ง 4 คงจำคุก 9 เดือนปรับ 1.1 หมื่นบาท
พิเคราะห์เเล้วเห็นว่าจำเลยทั้ง 4 อายุมากเเล้วเเละจำเลยยังร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 1 ล้านบาทจนเป็นที่พอใจของผู้เสียหายเเล้วจึงเห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ในส่วนข้อหาทำให้เสียทรัพย์ซึ่งเป็นคดียอมความกันได้ทางโจทก์ร่วมขอถอนฟ้องไม่ติดใจเอาความ
ด้าน น.ส.อำนวยพร มณีวรรรณ์ หรือ ทนายกุ้ง ทนายความผู้เสียหายกล่าวว่า วันนี้ศาลมีคำพิพากษาให้ผู้เสียหายชนะคดี ในข้อหาฐานบุกรุก , และลักทรัพย์ รวมโทษที่ลดเเล้ว จำคุก 9 เดือน ปรับ 1.1 หมื่นบาท ในส่วนทำให้เสียทรัพย์โจทก์ร่วมถอนฟ้อง ศาลเมตตาเนื่องจากเห็นว่าไม่เคยกระทำผิดเเละจำเลยสูงอายุจึงให้รอลงอาญา 2 ปีหลังจากนี้คดีก็จะจบลงที่ศาลชั้นต้นเนื่องจากทางผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ ซึ่งตอนนี้จำเลยก็ชดใช้ค่าเสียหายในส่วนคดีครอบครองปรปักต์ที่ฝ่ายจำเลยยื่นคำร้องก็มีการถอนคำร้องไปก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ด้านนายซัน หลานอากู๋ เดินทางมาพร้อม น.ส.สโรชา ภรรยา ซึ่ง น.ส.สโรชา ระบุว่า เรื่องนี้เป็นบทเรียนของคนกระทำเเบบนี้ สิ่งที่มันผิดฎหมายที่เราควรรู้ว่าการไปยุ่งของๆ คนอื่นก็ควรมีบทลงโทษไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไปในสังคม ซึ่งพอใจผลคำพิพากษาในวันนี้พอใจแล้ว และอากู๋ก็พอใจ ไม่ติดใจ