กรณีเกิดเหตุการณ์โจรยกเค้าบ้านนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง จ.เพชรบุรี เหตุเกิดเมื่อ 4 พ.ค. 2567 ที่ผ่านมา โจรแสบได้กวาดทรัพย์สิน เงินสด ทองคำ เครื่องเพชร มูลค่ากว่า 40 ล้าน ซึ่งคนร้ายได้แอบเปลี่ยนกุญแจลิ้นชักหวังตบตา ขณะกล้องวงจรปิด 16 ตัวในบ้านและพื้นที่ใกล้เคียงเสียทั้งหมด เจ้าของบ้านพุ่งเป้าคนใกล้ชิดร่วมก่อเหตุ
โดยมีรายงานความคืบหน้าล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง บก.ตม.2 สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองเพชรบุรี สามารถจับกุมตัว นายอัศม์เดช แย้มเทศ หรือ เกมส์ อายุ 22 ปี สาวประเภทสอง อดีตแคชเชียร์ร้านนวดแผนไทยแห่งหนึ่ง ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเพชรบุรี
การจับกุมครั้งนี้เนื่องจากมีส่วนพัวพันก่อเหตุลักทรัพย์สินมีค่าทั้งเงินสด ทองคำ สร้อยเพชร แหวนเพชร และพระเครื่อง รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ภายในบ้านของ นางวิรัลพัชร (ขอสงวนนามสกุล) หรือ เจ๊งิ้ม นักธุรกิจสายบุญ อายุ 68 ปี ในพื้นที่ หมู่ 5 ต.บ้านหม้อ อ.เมือง จ.เพชรบุรี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา แล้วหลบหนีออกนอกประเทศไป
กระทั่งวันนี้ (14 พ.ค.67) นายอัศม์เดช แย้มเทศ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้เดินทางด้วยสายการบินเข้าสู่ประเทศไทย โดยลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ และเมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม. ได้เห็นข้อมูลหมายจับในระบบ จึงได้เข้าทำการควบคุมตัว ก่อนที่จะประสานเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรเมืองเพชรบุรี รับตัวนำกลับไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อเวลา 21:00 น. วันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ต.ปัญญาพล ศรีเมฆ สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองเพชรบุรี รับแจ้งมีเหตุลักทรัพย์ บ้านหลังหนึ่งใน ต.บ้านหม้อ อ.เมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี จึงรายงานไปยัง พ.ต.อ.วันชัย ขาวรัมย์ ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี เพื่อทราบ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเพชรบุรี ร่วมตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนสองชั้น พบกับ เจ๊งิ้ม อายุ 68 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างชื่อดัง ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน ยืนรอให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ ก่อนจะให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า เพิ่งเดินทางกลับมาจากเชียงใหม่ หลังจากที่ไปอยู่บ้านพักเมื่อประมาณปลายเดือนเมษายน ที่ผ่านมามี น.ส.อัญชลี ลูกสาว อายุ 47 ปี และนายมานพ อายุ 41 ปี ลูกเขย อยู่บ้านหลังเกิดเหตุ แต่ขณะเกิดเหตุเดินทางไปต่างประเทศเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา เพิ่งกลับและไปรับตนมาจากเชียงใหม่
เมื่อเดินทางมาถึงบ้านที่เพชรบุรี เดินเข้าห้องนอนที่อยู่ชั้นบนของตัวบ้าน ที่ปกติประตูห้องนอนจะไม่ได้ล็อคกุญแจ โดยจะมีแม่บ้านเดินเข้าออกเพื่อทำความสะอาดในห้องเป็นประจำ สังเกตเห็นลิ้นชักตู้ที่อยู่นอกห้องนอน มีลูกกุญแจที่เป็นลูกกุญแจใหม่ ไม่ใช่กุญแจเก่าที่ตนใช้คล้องลิ้นชักไว้ จึงได้ทุบกุญแจลิ้นชักออกดู
ก่อนจะพบว่า เงินสดที่อยู่ในลิ้นชัก จำนวน 5 แสนบาท ใส่ในถุงกระดาษของธนาคารถูกขโมยไป แต่คนร้ายเอาถุงกระดาษใส่เงินวางใส่ไว้ในลิ้นชัก และทองคำ น้ำหนักประมาณ 30 บาท ที่อยู่ในถุงผ้า คนร้ายเอาทองไปทั้งหมด โดยทิ้งกระเป๋าใส่ทองไว้ให้ดูต่างหน้า
ด้าน ลูกเขย ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ช่วงระหว่างวันที่ 10-17 เมษายน 2567 เป็นช่วงที่ตนเดินทางไปต่างประเทศ แม่บ้านโทรไปแจ้งว่าพบความผิดปกติ คือ ปกติก่อนออกจากบ้านจะปิดประตูห้องน้ำไว้ แต่ที่มาเจอคือประตูห้องน้ำจะเปิด ส่วนไฟในบ้านกลางคืนจะเปิดไว้ แต่มาเห็นว่าไฟถูกปิด ซึ่งตนไม่รู้ว่าคนร้ายมาก่อเหตุช่วงไหน เพราะปกติจะไม่เคยเข้าไปในห้องของแม่ภรรยา อีกทั้งกล้องวงจรปิดในบ้านเสียมาเกือบ 1 ปีแล้ว
เบื้องต้นผู้เสียหายคาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนใกล้ตัว และรู้ช่องทางเข้าออกรวมถึงรู้ที่เก็บทรัพย์สินภายในบ้าน เพราะห้องอื่นและในส่วนอื่นในตัวบ้านคนร้ายไม่รื้อค้น แต่เจาะจงมุ่งไปเฉพาะที่ตนเก็บของมีค่าไว้เท่านั้น ซึ่งได้แจ้งข้อมูลผู้ต้องสงสัยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบแล้ว และขอภาวนาขอให้จับคนร้ายให้ได้เพราะทรัพย์สินที่สูญหายตนเก็บมาทั้งชีวิต
กระทั่งหลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.กานต์ ธรรมเกษม รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พ.ต.อ.วันชัย ขาวรัมย์ ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี สั่งการชุดตำรวจสืบสวนภ.จว.เพชรบุรีและชุดสืบสวน สภ.เมืองเพชรบุรี เร่งสืบสวน เบื้องต้นพบพิรุธเส้นทางการเงินผู้ต้องสงสัย ทราบชื่อต่อมาคือ นายอัศม์เดช แย้มเทศ อายุ 22 ปี อยู่ต.บ้านหาด อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ซึ่งสาวประเภทสอง อดีตแคชเชียร์ ร้านบ้านกลางสวน นวดแผนไทย & สปา ของนางวิรัลพัชร ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่รั้วเดียวกับบ้าน
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนพบพิรุธเส้นทางการเงิน เนื่องจากนายอัศม์เดช มีการรับโอนเงินจำนวนหนึ่งจากร้านขายทองและขายเครื่องประดับเพชร ในพื้นที่ จ.เพชรบุรี และพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตรวจสอบเพิ่มเติมพบข้อมูลและหลักฐานอื่นๆ ยืนยันได้ว่าเป็นผู้ก่อเหตุลักทรัพย์บ้านนางวิรัลพัชร จึงขออนุมัติศาลจังหวัดเพชรบุรีออกหมายจับ เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนคาด ว่า นายอัศม์เดช น่าจะลงมือลักทรัพย์ ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2567 หลังก่อเหตุพบว่า นายอัศม์เดช เดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งตำรวจได้ดำเนินการประสานหมายจับไปยัง ตม. กระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ในวันนี้ (14 พ.ค.) ขณะเดินทางกลับเข้าประเทศ พร้อมนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป