เรียกได้ว่าหลายคนติดตามกันมาอย่างต่อเนื่องกับประเด็นร้อน หมอเหรียญทองตบเด็ก14ปี เหตุเข้าไปสูบบุหรี่ในห้องน้ำของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ซึ่งหมอเหรียญทองได้บอกว่าในโรงพยาบาลมีกฎตั้งไว้อย่างชัดเจนว่า ห้ามสูบบุหรี่อย่างเข็ดขาด ถ้าฝ่าฝืนจะโดนปรับ 5,000 บาท (ล่าสุดได้ขึ้นค่าปรับเป็น 2 แสนบาท) แต่ทางเด็ก 14 แอบสูบบุหรี่ไม่มีจ่ายหมอเหรียญทองจึงตบเด็ก และจับแก้ผ้าไล่ออกจากโรงพยาบาล
ด้านแม่ของเด็กวัย 14 ปี ได้ขอโทษและยอมรับกับการที่ลูกไปสูบบุหรี่ในห้องน้ำ แต่สิ่งที่คู่กรณีทำกับลูกตน ตนมองว่ามันเป็นสิ่งที่เกินกว่าเหตุไปมาก ซึ่งตนก็ไม่เคยทำลูกเช่นนี้มาก่อน และทางคู่กรณียังไม่ได้มีการติดต่อมาตั้งแต่วันที่เกิดเหตุอีกด้วย แต่ก็ยืนยันหากว่ามีการขอโทษจากคู่กรณีหรือคืนทรัพย์สินและยกเลิกการจ่ายค่าปรับ ตนก็จะยังดำเนินเรื่องให้ถึงที่สุดเหมือนเดิม
โดยก่อนหน้านี้แม่ได้เดินทางไปรับทรัพย์สินคืน แต่ต้องตกใจเพราะเจอถุงซิบมีผงสารสีขาวด้านใน พร้อมไฟแช็ค และ หลอด ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ส่งเตำรวจตรวจหาเจ้าของไปแล้ว
ล่าสุดทางด้าน ทนายรัชพล ซึ่งรับเป็นทนายความให้กับครอบครัวเด็ก 14 ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเผยผลตรวจปัสสาวะ เด็ก 14 โดยระบุว่า "ผลตรวจฉี่เด็ก14 ไม่พบสารเสพติด"
เกี่ยวกับการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในร่างกาย สืบเนื่องจากมีการตรวจพบยาเสพติดบรรจุใส่ถุงใส อยู่ในถุงเสื้อผ้าของเด็กวัย 14 ปี จนกลายเป็นกระแสขึ้นมาบางส่วนว่า นพ.พล.ต.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ยัดยาหรือไม่
ต่อมา นพ.พล.ต.เหรียญทอง เปิดเผยว่า สำหรับประเด็นที่ประชาชนบางราย ตั้งข้อสงสัยว่าทางโรงพยาบาลยัดยาเสพติดใส่ถุงเสื้อผ้า ของเด็กวัย 14 ปี นั้น ยืนยันไม่ได้ยัดยา ซึ่งส่วนตัว รู้สึกโกรธกับเรื่องดังกล่าวเพราะถือเป็นเรื่องเท็จ เสมือนใส่ร้ายหมิ่นประมาท
จากนี้เตรียมดำเนินคดีกับบุคคลที่เผยแพร่ข่าวและใส่ร้ายเพราะทำให้ชื่อเสียงของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะและตนเองรวมถึงบุคลากรเสียหาย