นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี เปิดเผยว่าเดิมการเปิดบัญชีธนาคารสามารถใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือ หรือ ซิมการ์ด ที่ชื่อไม่ตรงกับชื่อบัญชีธนาคารได้แต่จากปัญหา "บัญชีม้า-ซิมม้า" ในปัจจุบัน ภาครัฐจึงมีมาตรการใหม่บังคับให้ชื่อโมบายแบงก์กิ้ง และ ซิมการ์ดต้องชื่อเดียวกัน
กรณีข้อมูลไม่ตรงกันธนาคารจะแจ้งข้อความผ่านโมบายแบงกิ้งว่า ข้อมูลโทรศัพท์ไม่ตรงกับข้อมูลเจ้าของบัญชี ขอให้ผู้ใช้บริการไปลงทะเบียนที่ศูนย์บริการเพื่ออัปเดตชื่อให้ตรงกัน หากข้อมูลตรงกันแล้วจะเปิดใช้งานโมบายแบงกิ้งได้ตามปกติ แต่ถ้าข้อมูลไม่ตรงกันและพ้นระยะเวลาที่กำหนด บัญชีธนาคารจะใช้ได้ตามปกติ แต่โมบายแบงกิ้งจะใช้งานไม่ได้ ทั้งนี้
ในปัจจุบันไทยมีบัญชีโมบายแบงกิ้ง 106 ล้านบัญชี และมีประมาณ 30 ล้านบัญชี ที่ชื่อไม่ตรงกับซิมการ์ด สำหรับมาตรการดังกล่าว จะเริ่มต้นวันพรุ่งนี้ (27 พ.ค.) โดยตั้งเป้าหมายจะต้องปิดหรือระงับบัญชีม้าให้ได้ราว 100,000 บัญชีต่อเดือน จากบัญชีม้าในระบบที่คาดว่าจะมีมากถึง 1 ล้านบัญชี
ด้าน พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ด้านกฎหมาย และประธานอนุกรรมการบูรณาการ บังคับใช้กฎหมายความ ผิดทางเทคโนโลยีฯ เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลมีนโยบายปราบปราอาชญากรรมออนไลน์ โดยมอบหมายให้ สำนักงาน กสทช. ตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ผูกกับระบบโมบายแบงก์กิ้งจำนวนประมาณ 106 ล้านบัญชี
โดยระบุว่าชื่อบัญชีต้องตรงกับชื่อจดทะเบียนซิมการ์ด เพื่อสกัดกาารับจ้างเปิดบัญชีม้า ขั้นตอนจากนี้ สำนักงาน กสทช. จะเร่งดำเนินการ โดยหลักการทำงานในการตรวจสอบนั้นทาง ธนาคารพาณิชย์ และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะเป็นผู้รวบรวมบัญชีมาให้กับ สำนักงาน กสทช. และ ผู้ให้บริการมือถือ (โอปอเรเตอร์) ที่มีฐานข้อมูลรายชื่อการใช้บริการมือถืออยู่แล้ว ในการตรวจสอบว่าตรงกันหรือไม่
"เรากำหนดระยะเวลาให้แล้วเสร็จใน 120 วัน เริ่มจากวันที่ 27 พ.ค.นี้ จากนั้นจะส่งข้อมูลกลับไปให้ทาง ธนาคารพาณิชย์ และ ปปง. เพื่อดำเนินการแจ้งเจ้าของบัญชีที่ไม่ตรง ให้ดำเนินการปรับข้อมูลให้ถูกต้องในระยะเวลาที่กำหนด แต่หากยังไม่ดำเนินการทางธนาคารและ ปปง. ก็จะพิจารณาวีธีการระงับการใช้งานต่อไป"
วิธียืนยันตัวตนชื่อไม่ตรงกับ Mobile Banking