กลายเป็นประเด็นที่หลายคนติดตามอย่างต่อเนื่อง กรณี "เสี่ยต้น" เสียชีวิต หลังจากที่ก่อนหน้านี้น้องสาวของ เสี่ยต้น อายุ 44 ปี เจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทย เข้าร้องเรียน ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หลังสงสัยว่า พี่ชายอาจถูกฆาตกรรม หลังเสียชีวิตปริศนา โดยเคยถูกคนร้ายประกบยิง พื้นที่ สน.วังทองหลาง เมื่อวันที่ 8 เม.ย. แต่เสี่ยต้นรอดมาได้ ก่อนไปเสียชีวิตอย่างปริศนาขณะนอนหลับที่บ้านพักใน จ.มหาสารคาม โดยทางด้าน พระพ่อเสี่ยต้น เปิดเผยว่า เมียเสี่ยต้นขอไม่ให้ส่งศพชันสูตรการตายกลัวเจอสารเร่งกล้ามเนื้อ
ล่าสุดมีรายงานจาก พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า ตำรวจได้มีการเรียกสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องในฐานะพยานไปแล้วจำนวน 15 ปาก โดยแบ่งเป็นผู้ใกล้ชิดจำนวน 8 ปาก และ พยานเกี่ยวข้องจำนวน 7 ปาก โดยการสอบปากคำทั้งหมดให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี
สำหรับคดีพยายามฆ่า ในพื้นที่ สน.วังทองหลางจากการไล่กล้องววจรปิดพบว่าผู้ลงมือก่อเหตุมีเพียง 2 คน ส่วนผู้ชี้เป้า และ ผู้จ้างวาน ตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผลว่าบุคคลใดมีการติดต่อแจ้งหรือไปพบเจอผู้ก่อเหตุในเวลาก่อน หรือ หลังเกิดเหตุหรือไม่ เพื่อหาพยานหลักฐานรวบรวมในการออกหมายจับต่อไป
ขณะนี้ตำรวจได้มีการไล่กล้องวงจรปิดทั้งก่อนเกิดเหตุจนกระทั่งเส้นทางหลบหนีจนถึงที่สุด เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 2 ราย มาสอบสวนดำเนินคดี
ส่วนกรณีมีการนำเสนอข่าวเรื่องยาไซยาไนด์นั้น ทางตำรวจทราบข้อมูลแล้วอยู่ในระหว่างขยายผล ซึ่งพบว่า"โทรศัพท์ของผู้ตายช่วงวันที่ 18 เมษายน มีการค้นหายาไซยาไนด์ซึ่งเป็นการค้นหาภายหลังจากผู้ตายเสียชีวิตแล้ว"
ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบว่าภายหลังจากผู้ตายเสียชีวิตโทรศัพท์ของผู้ตายใครเป็นผู้ถือครอง และ มูลเหตุจูงใจในการค้นหายาไซด์ยาไนด์คืออะไรซึ่งอยู่ระหว่างการสอบปากคำเพิ่มเติมต่อไป