วันที่ 4 มิ.ย. 67 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. ทนายธรรมราช (The Lawyer of legality) พา พ่อ แม่ และน้องไนซ์เชื่อมจิต เดินทางมาเพื่อมอบหลักฐานข้อเท็จเพิ่มเติม ในคดีที่มีบุคคลแจ้งความกล่าวว่า ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ทางด้าน ทนายธรรมราช กล่าวว่า การเดินทางมาในวันนี้ การเดินทางนำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา ซึ่งทาง เด็กชายวัยแปดขวบ น้องไนซ์ ใช้เป็นหลักในการสอน ให้กับผู้ที่ศรัทธา ซึ่งทั้งหมดมาจากหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา แต่การที่ทนายความคู่กรณีมีการเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์และนำหลักฐานซึ่งเป็นเพียงหลักความเชื่อ ซึ่งมีจำนวนเล่มที่บาง แตกต่างจากหลักคำสอนที่ทางเด็กชายวัยแปดขวบยึดถือปฏิบัติ ตนเองจึงนำหลักธรรมคำสอนทั้งหมดมามอบให้กับพนักงานสอบสวน ปอท. เพื่อใช้ประกอบในการดำเนินการทางคดี ซึ่งหลักฐานชุดนี้เป็นหลักฐานชุดเดียวกับที่ได้ยื่นให้กับทาง พม. ไปเมื่อเช้าวันนี้
ในส่วนของการเข้าพบ พม. เมื่อเช้าที่ผ่านมา ทางคุณแม่ของน้องไนซ์ ได้ระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้มีการพูดคุย กับตัวน้องเองในหลายเรื่อง บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปด้วย ราบรื่นน่ารัก ซ้ำยังมีการสวมกอดกันก่อนที่จะมีการลาแยกย้าย ซึ่งตัวน้องเองยังได้มีการฝากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องที่ตัวน้องถูกคุกคาม และตัวน้องยังได้กล่าวขอให้เจ้าที่ดูแลสุขภาพ ซึ่งเป็นไปด้วยความอบอุ่น
ส่วนเหตุการณ์เมื่อวาน ทางครอบครัวถูกหมายเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาทั้งสามคนซึ่งตอนแรก ตั้งใจจะไปในวันที่สี่ แต่เมื่อลงเครื่องมา น้องได้บอกว่าต้องเดินทางไปในวันนี้ เพื่อจะได้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดและยังบอกว่าทางแม่ยังจะสามารถนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปใช้ในการดำเนินคดีได้ ซึ่งทุกคนคงได้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะเหตุการณ์เมื่อวานทำให้เห็นอะไรหลายหลายอย่างที่เกิดขึ้น
ทนายธรรมมราช ยังกล่าวอีกว่า การเดินทางไปสน.ทองหล่อเมื่อวานนี้ เป็นการเดินทางไปตามสิทธิ์ตามกฏหมาย ซึ่งไม่รู้ว่าทางฝ่ายตรงข้ามมีจุดประสงค์อันใดในการเดินทางไป
ด้าน ครอบครัวยังคงยืนยันว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้อยากจะขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทองหล่อ ที่ช่วยปฏิบัติงานไปด้วยความราบรื่นเป็นอย่างดี ซึ่งการสอบปากคำเมื่อวานนี้เป็นไปด้วยความราบรื่นมีการให้ข้อมูลกับทางตำรวจโดยยืนยันว่าทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องจริงโดยทางครอบครัวจะนำหลักฐานทั้งหมดไปใช้ต่อสู้ในชั้นศาล ยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ที่ตัวน้องก้าวร้าวต่อตำรวจตามที่มีกลุ่มคนพยายามพูดถึง
ส่วนประเด็นที่มีการตั้งคำถามว่าครอบครัวตนเองได้รับการปฏิบัติสองมาตรฐาน ตนเองไม่ทราบว่า การมองที่มุมมองใด แต่ทางครอบครัวก็เห็นตำรวจทำงานตามปกติ เพราะตำรวจมุ่งเน้นในการรักษาผลประโยชน์ในตัวเด็ก และบรรยากาศการพูดคุยก็เป็นไปไปด้วยดี ส่วนเรื่องจุดพิมพ์ลายนิ้วมือที่ลงมาพิมพ์ด้านล่าง เพราะตัวน้องยืนยันว่าจะอยู่กับทางพ่อและแม่ และตำรวจก็เกรงว่าการที่ตัวน้องจะเข้าไปในสถานที่ไม่เหมาะสมอาจเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม จึงจำเป็นต้องพิมพ์มือที่ชั้นล่าง
ส่วนวันนี้ที่ปรากฏภาพขณะเดินออกจากทางสน. ทองหล่อ แล้วปรากฏว่าน้องชะงักเหมือนจะตกใจจนมีการตั้งข้อสังเกตในโซเชียล คุณแม่เด็กชายวัยแปดขวบ ระบุว่า ในเรื่องนี้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นการเดินออกจากสน. และตัวน้องชะงักเพราะต้องการหันไปตามพ่อซึ่งตนเองได้บอกว่าพ่อเดินตามมาแล้วแล้วเดินกลับขึ้นรถ ไม่ได้เป็นไปตามที่มีการตั้งข้อสงสัยกันในโซเชียล แต่ส่วนที่มีการแจ้งความกลับเพราะว่าในขณะที่มีการพูดคุยกับทางตำรวจ ตัวน้องเองเป็นคนพูดกับตำรวจเองว่าถูกคนตะโกนคุกคามจึงมีความประสงค์ที่จะแจ้งความร้องทุกข์ ซึ่งหลังจากสอบคำให้การแล้ว ขณะที่ตำรวจจะมีการเดินทางไปเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาคู่กรณีก็เดินทางกลับไปแล้ว ส่วนคำด่าที่มีการกล่าวเมื่อวานนี้ไม่ขอพูดถึงแต่ขอให้ไปดูในไลฟ์ เพราะเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสม
แม่น้องไนซ์ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของครอบครัวหากสิ่งใดที่น้องยังทำแล้วมีความสุขก็จะปล่อยให้ดำเนินการต่อไป ซึ่งตนเองได้อธิบายกับทาง พม. ไปแล้วทั้งหมด ซึ่งสิ่งที่ทางครอบครัวต้องการพม.เข้ามาช่วยเหลือดูแล คือการที่น้องถูกคุกคาม ซึ่งเจ้าหน้าที่รับเรื่องดำเนินการเป็นที่เรียบร้อย
"อยากดูความจริง เพราะจริงๆ การที่เด็กน้อยคนหนึ่งขึ้นมาพูดเรื่องธรรมะ แล้วก็มีการสอนธรรมตั้งแต่ 5 ขวบถึง 8 ขวบ มีผู้คนยอมรับเป็นจำนวนมาก และทุกคนพูดเป็นทางเดียวกันว่า ที่ยอมรับในความเป็นน้อง คือ ข้อธรรมที่น้องสอน ซึ่งข้อธรรมที่น้องสอนถูกเผยแพร่ออกไป ตนเองมองว่าเป็นเรื่องดีนะ ขอให้ทุกคนเข้ามาดูว่าความเป็นจริง วันที่ 15 มิถุนายน น้องจะสอนธรรมะ แล้วจะมีการเชื่อมจิต ถ้าเป็นไปได้ให้พิสูจน์ด้วยตัวเองทางออนไลน์ ร่วมกันนั่งสมาธิกับน้อง แล้วดูว่าสิ่งที่น้องทำมีอะไรนอกเหนือจากที่สัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสอนบ้าง 15 มิถุนายนตอน 19:30 น."
ส่วนกรณีที่มี รายการโหนกระแสนำเสียงของตนเอง ไปออกอากาศ ซึ่งเป็นเสียงช่วงที่ตนเองคุยกับเจ้าหน้าที่ พม. และมีการพูดคุยกันในเชิงหยอกล้อกับทางเจ้าหน้าที่ว่ามีคอมเม้นต์หาว่าลูกของตนเองเป็นออทิสติก แต่กลายเป็นการจับประเด็น ไปพูดซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณากับทางฝ่ายกฎหมายเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ตนเองในฐานะพ่อแม่ขอทำหน้าที่ในการเปิดเผยความจริงทั้งหมด
ทนายธรรมมราชยังระบุอีกว่า ในวันพรุ่งนี้ตนเองจะไปยื่นหนังสือ ถึงผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนา เกี่ยวกับหนังสือที่ทางสำนักพระพุทธศาสนา มีการส่งหนังสือมาโดยใจความหนังสือมีระบุ ใช้คำว่าลัทธิเชื่อมจิต ซึ่งประเด็นนี้ตัวน้องเป็นคนตรวจเอกสารเอง ตนเองจึงมีคำถามต้องการรู้ว่าคำว่าลัทธิในความหมายตามหนังสือนี้มีความหมายว่าอย่างไร หมายถึงใคร เพราะมันจะมีผลทางกฎหมายต่อไป
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนรับเอกสารเพิ่มเติมไว้เพื่อมอบให้คณะพนักงานสอบสวน บก.ปอท.ที่ ผบก.ปอท.แต่งตั้งขึ้นมาทำคดีนี้โดยเฉพาะ เพื่อพิจารณาดำเนินคดี ตามที่มีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษว่า ฉ้อโกงประชาชน และนำข้อมูลอันเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ต่อไป