กลายเป็นเรื่องราวที่น่าเห็นใจอย่างมาก วันนี้ 5 มิ.ย. 67 คุณแม่รายหนึ่ง เดินทางเข้ามาร้องขอความเป็นธรรมกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังโอนเงินผิดไปให้อดีตลูกน้อง 53,800 บาท พอติดต่อขอเงินคืนจากการโอนผิดกลับถูกด่า คู่กรณีตามไปด่ายันโรงพัก คู่กรณีอ้างดื้อ ๆ ใช้เงินหมดแล้ว
โดยทางด้าน ผู้เสียหาย เล่าว่า ปั๊มของเธออยู่ที่จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นเครือข่ายปั๊มจากจ.นครราชศรีมา โดยชื่อเจ้าของปั๊มเป็นชื่อน้องชาย ซึ่งในวันที่ 29 มค 67 เธอซื้อน้ำมันมาลงที่ปั๊มตัวเอง และจะโอนค่าน้ำมันให้ต้นเครือข่ายที่โคราชจำนวน 53,800 บาท แต่ขณะที่โอนเธอไม่ได้ใส่แว่นจึงเกิดเหตุผิดพลาดทำให้โอนผิดคน
หลังจากโอนผิดไปเธอเพิ่งรู้ตัววันที่ 7 กพ 67 เนื่องจากเธอจะทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายประจำเดือน จึงเช็คสลิปที่โอนเงิน สรุปชื่อที่โอนไม่ใช่ชื่อเครือข่ายต้นทาง กลับเป็นชื่ออดีตลูกน้อง
หลังจากรู้ตัวเธอก็แจ้งไปที่อดีตลูกน้องว่าโอนเงินไปผิด แต่ทางอดีตลูกน้องกลับต่อว่ากลับมาด้วยน้ำเสียงตะคอก และอ้างว่าเอาเงินไปใช้หมดแล้ว
ซึ่งเมื่อปลายปีที่แล้วอดีตลูกน้องคนนี้เคยยักยอกเงินจากการขายน้ำมันที่ปั๊มเธอไป 30,000 บาท และโดนไล่ออกไปแล้ว จากนั้นเธอเห็นอดีตลูกน้องไปออกรถใหม่ เธอจึงทวงถามว่า ทำไมไม่เอาเงินที่ออกรถมาคืน
โดยก่อนแจ้งความทางอดีตลูกน้องเธอทักมาขอไกล่เกลี่ยโดยการบอกว่าขอผ่อนคืนเดือนละ 3 พันบาท จำนวน 20 เดือน แต่เธอบอกว่าผ่อนไม่ได้และจำดำเนินคดีอาญา เพราะคนที่รับเงินโอนผิดถือว่าเข้าข่ายยักยอกทรัพย์
กระทั่งเมื่อวันที่ 10 กพ 67 เธอไปแจ้งความที่สน.คันนายาว แต่ทางเจ้าหน้าที่บอกเธอมาว่ารับแค่บันทึกประจำวันเท่านั้น อ้างว่าการดำเนินคดีไม่ได้ทำได้ง่ายๆ
โดยหลังจากนั้นตำรวจโทรมาหาเธอว่าทางอดีตลูกน้องจะเอาเงินมาคืนที่สน.คันนายาวจำนวน 4 หมื่นบาท ให้เธอมาเซ็นรับเงิน แต่เธอเป็นโควิด-19 อยู่เลยไม่สามารถไปได้ และบอกไปว่าให้วางเงินไว้ แล้วเธอจะไปเซ็นรับเงินภายหลัง แต่สุดท้ายทางอดีตลูกน้องไม่ได้วางเงินไว้และกลับไปเฉยๆ
นายเอกภพ ระบุว่า หลังจากนี้จะประสานทางสน.คันนายาว ไปทางพ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.คันนายาว เพื่อตามความคืบหน้าของคดีนี้จะได้เป็นธรรมกับตัวผู้เสียหาย