จากกรณี "พลโทกร่าง" ขับรถเฉี่ยวชนสาวพนักงาน เปิดบูธจำหน่ายน้ำยาปรับผ้านุ่ม ในตลาดแฟลตดินแดง ก่อนที่ต่อมาพลโทกร่าง จะเข้าไปโวยวายใน สน.ดินแดง เนื่องจากไม่พอใจที่ตำรวจเชิญตัวมาโรงพัก มีการด่ากราดกลางโรงพัก “รู้มั๊ยผมคือใคร เดี๋ยวสั่งย้ายทั้งโรงพัก” จนกลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากวิจารณ์อย่างหนักตามมา
เกี่ยวกับเรื่องล่าสุด น.ส.สุคณฑ์ทิพย์ อายุ 34 ปี พยานของผู้เสียหาย(เสื้อลาย) หลังจบจากรายการโหนกระแส เล่าว่า เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2567 เวลาประมาณ 09:37 น. ตนพร้อม น.ส กิ่งกาญจน์ฯ (เสื้อขาว) หนึ่งในทีมงาน และเพื่อนๆ กำลังขนย้ายสิ่งของจากบูธตั้งสินค้า ไปไว้ที่ท้ายรถที่จอดอยู่ที่บริเวณริมถนนประชาสงเคราะห์ หน้าตลาดดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานครฯ ซึ่งเป็นจุดที่จอดได้ตามกฏหมาย
ทีมงานตนก็เก็บของกันไปตามปกติ จนกระทั่ง นายจุฬาฯ คู่กรณี ที่อ้างตนเป็นหมอทหารยศพลโท สังกัดทหารบก ได้ขับรถยนต์มาจอดต่อท้ายในระยะประชิด จากนั้นตัวเขาก็เดินเข้าไปซื้อของในตลาด หลังจากที่ซื้อของเสร็จ นายจุฬาเดินผ่านและเดินชนทีมงานของตนพร้อมกับพูดกระแทกขึ้นมาว่า “ ยืนเกะกะขวางทาง ” ซึ่งตนกับทีมงานได้ยินดังนั้นก็ตกใจคิดว่าพูดคุยกันดีดีก็ได้
ตนกับทีมงานไม่ได้สนใจปล่อยไปไม่อยากมีเรื่อง แต่พลโทไม่ยอมจบ เขาพูดขึ้นมาอีกรอบว่า “พวกมึ*อย่ามามองหน้า*นะ มึ*รู้มั้ยว่า**เป็นใคร” ตนงงคิดว่าเขาคงป่วย สักพักเริ่มหนักข้อขึ้นครั้งนี้ตัวเขาเดินไป สตาร์ทรถพร้อมกับเหยียบคันเร่งพุ่งเข้ามาที่บูธ แต่ยังไม่ได้ชน เจตนาเขาตั้งใจจะให้พวกตนกลัวมากกว่า
จากนั้นพลโทเดินถือร่มคันใหญ่ลงมาจากรถพร้อมกับชี้หน้าด่าตนกับทีมงานแบบดังลั่นสนั่นถนน แต่จะพูดคำเดิมซ้ำๆ ว่ารู้ไหมกูเป็นใคร พวกมึงกระจอก” พร้อมกับเหยียดหยามทีมงานตนสารพัด จากนั้นพลโทเดินขึ้นรถ ครั้งนี้หนักสุดพลโทขับรถพุ่งชนน.ส กิ่งกาญจน์ฯ หนึ่งในทีมงาน แต่เคราะห์ดีที่น้องกระโดดหลบทัน จึงทำให้เฉี่ยวขาของน้องเล็กน้อย โดยก่อนที่พลโทจะขับออกไปเขายังเปิดกระจกพร้อมชูนิ้วกลางใส่ตนกับทีมงาน ตนคิดว่านี่มันเกินไปแล้วจึงเดินทางไปเข้าแจ้งความที่ สน.ดินแดง
เมื่อไปถึงโรงพัก ตนได้พา น.ส กิ่งกาญจน์ฯ ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานกับท่านสารวัตรที่ทำหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนในวันนั้น จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวให้พลโทมาพูดคุยไกล่เกลี่ยที่โรงพัก เมื่อมาถึงพลโทหัวร้อนหนักกว่าเดิม ชี้หน้าด่ากราดบอกว่า พรรคพวกของเค้าเป็นอธิบดีทั้งนั้น เดี๋ยวจะสั่งเด้งตำรวจทั้งโรงพักเลย ซึ่งท่านสารวัตรก็พยายามพูดให้พลโทใจเย็นแต่ไม่เป็นผล สุดท้ายวันนั้นก็ไกล่เกลี่ยอะไรกันไม่ได้
หลังเหตุการณ์วันนั้น ทราบว่านายจุฬายังมีการโทรไปข่มขู่ท่านสารวัตรเจ้าของคดีว่า เข้าเวรกี่โมงอย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ ผมเช็คตารางเวรคุณได้หมด แล้วผมจะโทรมาจัดการกับคุณทุกวัน“ พร้อมกับบอกว่า ตนเองเป็นข้าราชการระดับสูงยศใหญ่กว่าเจ้าของคดีเยอะ
ซึ่งเมื่อตนทราบเรื่องนี้ตนยิ่งรับไม่ได้หนักเลย สุดท้ายนี้ที่ตนออกมาร้องสื่อเพราะตนอยากให้สื่อช่วยเป็นกระบอกเสียงและช่วยคุ้มครองความปลอดภัย อยากให้นายจุฬาออกมาแสดงความรับผิดชอบ แต่จะไม่ขอรับคำขอโทษ จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
เบื้องต้นชายคนดังกล่าวรับข้าราชการจริง เป็นแพทย์ทหารยศพลโท ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดของ กทม. ก่อนเรียกตัวคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาสอบปากคำอีกครั้งหนึ่ง พร้อมรับทราบข้อกล่าวหา
นอกจากนี้ยังได้มี เปิดวาร์ปพลโทกร่าง คนดังกล่าวว่ามี ตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษา ผอ.รพ.พระมงกุฏเกล้าฯ