ทางด้าน นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี เผยในโหนกระแส กรณีสามีแฉภรรยาแอบนอกใจไปคบหามีความสัมพันธ์กับชายชู้ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง จ.นนทบุรี เปิดเผยข้อเท็จจริงล่าสุด เกี่ยวกับ "ผอ.รพ.สต." ที่ถูกพาดพิง จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่หมอตามที่เข้าใจ เพราะตำแหน่งคือ นักวิชาการด้านสาธารณสุข แต่เป็นข้าราชการระดับสูงจริง ทำงานในฐานะฝ่ายบริหารโรงพยาบาลระดับปฐมภูมิ
โดยทางด้าน บอย ซึ่งเป็นสามียอมรับตอนทราบว่าภรรยาที่คบหากันมา 5 ปี ไม่ได้จดทะเบียนสมรสและมีลูกด้วยกันแอบนอกใจ ตนเองเครียดถึงขั้นอยากจะจบชีวิต พอจับได้เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา ฝ่ายหญิงก็ยอมรับว่าติดใจรสนิยมทางเพศของ ผอ.รพ. ซึ่งเจอกันครั้งแรกในงานสัมมนางานหนึ่ง และคราบหยดเทียน รอยช้ำ ก็มาจากรสนิยมรุนแรงดังกล่าว
ส่วนวันที่ทราบว่าผู้อำนวยการมือที่สามมีตำแหน่งเป็น ผอ.รพ.สต. นนทบุรี ก็ตอนที่เอะใจชายที่มีรูปเปลือยในมือถือภรรยาเป็นคนเดียวกับที่เจอในงานสัมมนา จึงนำชื่อไปค้นข้อมูลในอินเตอร์เน็ต กระทั่งทราบแน่ชัดเป็นคน ๆ เดียวกัน และเคยขับรถไปหาถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแต่ไม่เจอตัว
และที่น่าเจ็บใจกว่านั้น คุณบอยเล่าว่าคือ หลังจากเรื่องแดงแล้วแท้ ๆ ฝ่ายหญิงแทนที่จะหยุดพฤติกรรมฉาว ปรากฏ กลับทำตรงข้าม โดยมีการติดต่อคบหากันเปิดเผยมากขึ้นทั้งฝ่ายหญิงและตัวของ ผอ. ชายชู้ ที่เป็นมือที่สาม ซึ่งยืนยันได้จากหลักฐานทั้งหมดในแชตสนทนาที่นำมาเปิดในรายการ โดยบางข้อมูลก็จะเห็นว่าบทสนทนาล้วนเป็นเรื่องอย่างว่าที่ฝ่ายหญิงคุยกับชายอื่นอย่างเปิดเผย
สามียังบอกด้วยว่า พอเรื่องแดงขึ้นมาฝ่ายภรรยาก็ยังไปหากันดึก ๆ ดื่น ๆ ทุกคืน ตนถือว่าขอทำเต็มที่อย่างน้อยฝ่ายหญิงเป็นแม่ของลูกก็น่าจะคิดกลับตัวกลับใจ แต่สุดท้ายฝ่ายภรรยาก็เลือกจะปล่อยให้คาราคาซังกันมา และเหตุการณ์ปัจจุบันก็ประคับประคองกันมาตลอดจนกระทั่ง ฝ่ายของคุณบอยแจ้งว่าได้ตัดสินใจเมื่อวานว่าจะลุกขึ้นมาขอความช่วยเหลือและเปิดโปงเรื่องนี้กับกันจอมพลัง
ในส่วนของคดีนั้น หลังจบรายการโหนกระแสจะมีการพา บอย ที่เป็นสามีไปยื่นเรื่องร้องเรียนกับ "กระทรวงสาธารณสุข" เพื่อเอาผิดจริยธรรมกับ ผอ.รพ.ส.ต. นนทบุรี คนดังกล่าว โดยเบื้องต้นฝ่ายสามียืนกรานชายมือที่สามซึ่งมีตำแหน่งเป็นข้าราชการระดับสูงทราบเรื่องดีอยู่แล้วว่าฝ่ายหญิงมีครอบครัวอยู่ก่อน แต่ก็จงใจให้เกิดสัมพันธ์สวาทฉาวนี้ขึ้น