มีรายงานว่า หญิงวัย 63 ปี นำหลักฐานสลิปการโอนเงินเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าตะเกียบ สภ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา แจ้งความหลังถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกโอนเงินเข้าบัญชีม้า สูญเงินกว่า 2.9 ล้านบาทที่เก็บมาทั้งชีวิต
ตามรายงาน ระบุว่า คุณยายอายุ 78 ปี ถูกมิจฉาชีพ ทักเฟซบุ๊ก ตุ๋นสูญเงิน 2.9 ล้าน หลอกอ้างเป็นทหารต่างชาติ ไปรบในสงคราม จะนำกล่องบรรจุเงินดอลลาร์ ตีเป็นเงินไทย 53 ล้านเข้าไทย มีภาษีนำเข้า - เคลียร์ ปปง. ถ้ายายช่วยโอนจ่ายตอบแทนให้ 7 ล้าน
โดยคุณยายบอกสงสาร จนเดินทางไปโอนเงินที่สาขา ธกส. พนักงานเตือนแล้วว่า มิจฉาชีพหลอก - ไม่ยอมโอนเงินให้ แต่คุณยายไม่เชื่อ ไปตามร้านขายของชำ - ร้านสะดวกซื้อ ให้ช่วยโอนผ่านแอปธนาคารให้ ตั้งแต่ มิ.ย. 66 - พค.67 โอน 38 ครั้ง คุณยายหอบสลิปใบเสร็จขึ้นโรงพักท่าตะเกียบ วอนตำรวจช่วยตาม
วิธีการหลอกคือ มิจฉาชีพระบุว่าเป็นชาวต่างชาติ อ้างว่าเป็นทหารไปรบในสงคราม ทักแชทมาขอความช่วยเหลือ บอกว่า "ช่วยผมด้วย ผมต้องการนำกล่องที่บรรจุเงินสดดอลลาร์ ตีเป็นเงินไทย 53 ล้านบาท เข้ามาในประเทศไทย
แต่มีค่าใช้จ่ายด้านภาษีนำเข้า และเคลียร์กับ ปปง. หากคุณยายช่วยโอนเงินจ่ายค่าภาษี และค่าดำเนินการต่างๆ ให้ ก็จะตอบแทนน้ำใจคุณยาย ด้วยการมอบเงินให้ 7 ล้าน พร้อมกับเงินที่คุณยายจ่ายค่าดำเนินการต่างๆ ก็จะคืนให้ด้วย"
คุณยายบอกว่า ตัดสินใจช่วยทหารต่างชาติคนดังกล่าว เพราะสงสาร ไปโอนเงินที่ ธ.ก.ส.สาขาท่าตะเกียบ ซึ่งเป็นเงินที่คุณยายเก็บออมมาทั้งชีวิต จากการทำสวนมะม่วงส่งออก 100 ไร่ และให้ชาวบ้านเช่าที่ทำการเกษตร ปีละ 2 แสนกว่าบาท
รวมทั้งให้เช่าห้องแถว ตอนจะไปโอนเงินที่ ธ.ก.ส. เจ้าหน้าที่ธนาคารเตือนคุณยายแล้วว่า มิจฉาชีพหลอกคุณยาย และไม่ยอมทำรายการโอนเงินให้ แต่คุณยายไม่เชื่อ ไปตามร้านขายของชำ และร้านสะดวกซื้อแถว อ.ท่าตะเกียบ ให้ช่วยโอนเงินผ่านแอปธนาคารให้
โดยโอนครั้งแรก วันที่ 19 มิถุนายน 66 มาจนถึงปัจจุบัน เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 67 โอนไปทั้งหมด 38 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายที่โอน คือ ปลายเดือน พ.ค.67 ที่ผ่านมา โอนไป 5 แสนบาท เข้าบัญชีธนาคารชื่อ จุฑาทิพย์ พาพรม ยอดเงินรวมทั้งหมดที่โอนไป 2,900,000 บาท
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทุกคนยังได้เห็นแชทที่น่าตกใจ เพราะในแชท ผู้เสียหายคนดังกล่าวได้ส่งหน้าบุ๊กแบงก์ไปให้มิจฉาชีพและยังบอกว่า มิจฉาชีพที่แชทมาขอเงิน บอกว่า "คุณไม่ต้องการช่วยฉัน อย่าบอกฉันว่าไม่มีเงินที่จะชำระเงินนั้น? ขณะที่หญิงคนดังกล่าวก็ตอบกลับไปว่า "เมื่อไรคุณจะคืนเงินฉัน ฉันอยากได้เงินคืนแล้วจะได้มีความสุขกับเขาบ้าง จะได้มีเงินใช้บ้างคุณคืนฉันมาเถอะ"
ต่อมา หญิงคนดังกล่าวได้โทรศัพท์ไปหา พ.ต.ท.สุรพิสิฐ ไหมงำ หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.ท่าตะเกียบ เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมยินดีจะให้ข้อมูลทั้งหมดรวมถึงหน้าแชตส่วนตัวที่ตอนแรกไม่ให้ ด้วยหวังยังจะได้เงินจากมิจฉาชีพคืน พร้อมยอมรับว่าพอนายทวี ที่เป็นเพื่อนสนิท ตำรวจ ผู้ใหญ่บ้านมานั่งคุย จึงได้สติและจะให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่อย่างเปิดใจต่อไป