"ศ.ดร.ปิ่นแก้ว" มองอีกมุม ความจริงอีกด้าน ของ "อุทยานแห่งชาติทับลาน"

09 กรกฎาคม 2567

ศ.ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี มองอีกมุม ความจริงอีกด้าน ของ "อุทยานแห่งชาติทับลาน" ลั่น ผืนดินทำกินของชาวบ้านต่างหากที่ถูกเฉือนไป

จากกรณีการจัดการที่ดินในอุทยานแห่งชาติทับลานกว่า 265,266 ไร่ จนเกิดกระแสลุกฮือปกป้องผืนป่าดันแฮชแท็ก #Saveทับลาน ขึ้นอันดับหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวล่าสุดทางด้าน "ศ.ดร.ปิ่นแก้ว" เหลืองอร่ามศรี ศาสตราจารย์ด้านมานุษยวิทยา ม.เชียงใหม่ ได้ออกมาพูดถึงความจริงอีกมุม ของ "อุทยานแห่งชาติทับลาน" และวิพากษ์วิจารณ์วิธีการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติหลายแห่งที่ไม่ได้คำนึงถึงพื้นที่ทำกินของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่มาก่อน 

ศ.ดร.ปิ่นแก้ว มองอีกมุม ความจริงอีกด้าน ของ อุทยานแห่งชาติทับลาน

โดยเธอระบุว่า สิ่งที่พวกกลุ่มอนุรักษ์ตั้งใจไม่พูดถึงคือ อุทยานแห่งชาติหลายแห่ง จัดตั้งโดยไม่เคยสนใจที่จะสำรวจและกันพื้นที่ทำกินของชาวบ้านที่อยู่มาก่อนออกก่อนที่จะประกาศเป็นเขตป่า สนใจแต่จะเพิ่มพื้นที่ป่าให้มากเข้าไว้ แต่ไม่สนสี่สนแปดว่า ป่าที่จัดตั้งขึ้นนั้นไปแย่งที่ทำกินของใครเขามาบ้าง กลายเป็นชนวนความขัดแย้ง เผชิญหน้าระหว่างรัฐกับชุมชนเรื้อรังมานานหลายทศวรรษ อุทยานแห่งชาติทับลาน ก็เช่นกัน

ศ.ดร.ปิ่นแก้ว มองอีกมุม ความจริงอีกด้าน ของ อุทยานแห่งชาติทับลาน

การใช้วาทกรรม "ผืนป่าที่ถูกเฉือน" ของกลุ่มอนุรักษ์บางกลุ่ม จึงเป็นการจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อปั่นกระแสเขียวตกขอบในหมู่ชนชั้นกลางอย่างจงใจ ทั้งที่ในความเป็นจริง ผืนดินทำกินของชาวบ้านต่างหากที่ถูกเฉือนไปเซ่นป่าอนุรักษ์มานานหลายสิบปี อุทยานประกาศปี 2524 ชาวบ้านบางกลุ่มอยู่กันมาตั้งแต่ก่อนปี 2515 ด้วยซ้ำไป แบบนี้ไม่เรียกว่าอุทยานบุกรุกที่ชาวบ้าน จะให้เรียกว่าอะไร

 

การใช้ข้ออ้างเรื่องกลัวกลุ่มทุนจะมาฮุบที่เหมาเข่ง ดังนั้น จึงไม่ควรเพิกถอนป่าที่ไปแย่งชาวบ้านเขามา และคืนสิทธิให้กับเจ้าของที่ดินที่อยู่มาก่อน จึงเป็นตรรกะที่วิบัติมาก

ที่น่าแปลกคือ สื่อส่วนใหญ่ก็พากันไปกับกระแสเขียวตกขอบ แทบไม่เห็นสื่อไหนที่เสนอข้อเท็จจริงจากชาวบ้านในพื้นที่ นอกจากข่าวนี้ พร้อมแนบลิงค์ข่าวของเนชั่นทีวี ที่ได้นำเสนอเรื่องราวของชาวบ้านในพื้นที่

 

ศ.ดร.ปิ่นแก้ว มองอีกมุม ความจริงอีกด้าน ของ อุทยานแห่งชาติทับลาน

ขอบคุณ Pinkaew Laungaramsri