วันที่ 10 ก.ค.67 ศาลอาญา สั่งจำคุก 1 ปี สันธนะ ประยูรรัตน์ คดีหมิ่นประมาท รร.เดอะเดวิส ของ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" โดย ที่ห้องพิจารณา 802 ศาลอาญา รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำอ. 2892/2565 ที่บริษัท ต้นตระกูล จำกัด โดย นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดังเป็นโจทก์ฟ้อง นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล เป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ, หมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาพร้อมเรียกค่าเสียหาย จำนวน 100 ล้านบาท
จากกรณีเมื่อระหว่างวันที่ 5 - 8 พ.ย.2565 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ และสร้างพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อทำนองว่า ที่ชั้นล็อบบี้ สถานบริการ The Lobby ×Chuweed ภายในโรงแรม Davis Hotel Corner Wing ซอยสุขุมวิท 24 กรุงเทพ ซึ่งมีบริษัท ต้นตระกูลฯ เป็นเจ้าของและบริหารงาน มีกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงจำนวนประมาณ 100 คน เข้ามามั่วสุมเสพยาเสพติด ในห้องน้ำชาย และเปิดบริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้จำเลยยังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลายแขนง
ซึ่งล้วนเป็นเท็จ สร้างความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงแก่โจทก์ จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิด และชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 100 ล้านบาทด้วย และให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษา และคำขอโทษผ่านสื่อทีวี หนังสือพิมพ์ ฯ เป็นเวลา7วันด้วย
ศาลพิพากษาจำเลยมีความผิดตามาตรา 328 ให้คุก 1 ปี ปรับ 1 แสน แต่จำเลยไม่เคยต้องโทษมาก่อนเห็นควรให้โอกาสกับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกรอลงอาญา 2ปี ให้ชดใช้ 1 แสนบาท และลงโฆษณาคำพิพากษาโดยย่อกับ เว็บไซต์ข่าว 6 สื่อ เป็นเวลารวม 5 วันติดต่อกัน
ทางด้าน นายสันธนะ ระบุว่า ข้อหาอื่นที่ฟ้องคดีมา ศาลยกฟ้องทั้งหมด แต่ในข้อหาหมิ่นประมาท ศาลเห็นว่ามีความผิด จึงพิพากษาจำคุก 1 ปีรอลงอาญา 2 ปี ปรับ 1 แสนบาท ซึ่งได้จ่ายค่าปรับ ไปแล้ว ส่วนกรณีที่โจทก์ เรียกค่าเสียหายมา 100 ล้านบาท นั้น ศาลระบุว่า โจทก์ ไม่ได้นำสืบว่าเสียหายอย่างไร จึงให้จ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์ 1 แสนบาท แต่ตนเองยังไม่จ่าย เพราะเตรียมที่จะยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป พร้อมกับ ฝากถึงนายชูวิทย์ ดูแลสุขภาพให้ดีแล้วรีบกลับมาสู้คดีกันในศาล อยากเห็นหน้าอีก
ทางด้าน นายสันธนะ ระบุว่า ข้อหาอื่นที่ฟ้องคดีมา ศาลยกฟ้องทั้งหมด แต่ในข้อหาหมิ่นประมาท ศาลเห็นว่ามีความผิด จึงพิพากษาจำคุก 1 ปีรอลงอาญา 2 ปี ปรับ 1 แสนบาท ซึ่งได้จ่ายค่าปรับ ไปแล้ว ส่วนกรณีที่โจทก์ เรียกค่าเสียหายมา 100 ล้านบาท นั้น ศาลระบุว่า โจทก์ ไม่ได้นำสืบว่าเสียหายอย่างไร จึงให้จ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์ 1 แสนบาท แต่ตนเองยังไม่จ่าย เพราะเตรียมที่จะยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป พร้อมกับ ฝากถึงนายชูวิทย์ ดูแลสุขภาพให้ดีแล้วรีบกลับมาสู้คดีกันในศาล อยากเห็นหน้าอีก
นอกจากนี้ นายสันธนะ ยังได้กล่าวถึงกรณี แนวทางการดำเนินคดีกับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. หากมีการประกาศรับรองผล สมาชิกวุฒิสภา ทั้ง 200 คน ว่า ส่วนตัว ผ่านเข้ามาถึงแค่ระดับจังหวัด และก้าวเข้าสู่ระดับประเทศ และทุกคนต่างก็รอว่า กกต.จะประกาศรับรองผล สว.ทั้ง 200 คนหรือไม่ ซึ่งตนเองก็รอเช่นเดียวกัน และก่อนหน้านี้ ได้ดำเนินการทางกฎหมายกับ กกต. ไปแล้ว
ทั้ง ยื่นศาลฎีกา ร้องศาลปกครอง แต่ที่ขณะนี้ ตนเองยังไม่เดินหน้าร้องเอาผิด กกต.ทั้งคณะ เนื่องจากการกระทำยังไม่สำเร็จ เนื่องจากต้องรอ กกต.ประกาศรับรอง สว.ทั้ง 200 คนก่อน จึงจะถือว่า ความผิดสำเร็จแล้ว จากนั้น ตนเองจะไปยื่นร้อง ต่อ ป.ป.ช. เพื่อเอาผิด กกต.ทั้งคณะ ในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ม.157 เพราะตนเองเห็นกระบวนการนี้มาตั้งแต่ต้น เห็นขั้นตอนว่าไม่สุจริตและไม่เที่ยงธรรมอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ หาก กกต.ประกาศรับรอง สว. ทั้ง 200 คน แล้ว สิ่งที่ตนเองจะดำเนินการต่อ คือการแจ้งความต่อ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อขอให้เข้าไปร่วมตรวจสอบการกระทำทุจริตในเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับการเลือก สว. ที่มีการร้องเรียนไปยัง กกต.กว่า 700 เรื่อง เนื่องจากตนเองมองว่า เจ้าหน้าที่สำนักการสืบสวนของ กกต. อาจจะดำเนินการไม่ครอบคลุม หรือไม่มีความชำนาญในการตรวจสอบเท่ากับตำรวจ
เพราะหากตำรวจเข้าไปร่วมสอบสวน จะเห็นความเชื่อมโยง เส้นทางการเงิน เพราะอย่างที่หลายคน รวมถึง กกต. พูดว่า ไม่มีพยานหลักฐาน แต่ตนเองยืนยันว่า มีหลักฐานค่อนข้างชัดเจน เพียงแต่กกต.ไม่ทำ หรือไม่มีศักยภาพพอที่จะทำ กกต. สามารถรับเรื่องร้องเรียนมาแล้ว ประสานขอให้ตำรวจสอบสวนกลางเข้าไปร่วมตรวจสอบได้ เพราะ บช.ก. มีอำนาจหน้าที่สืบสวนสอบสวน ทั่วราชอาณาจักร ส่วนตัวมองว่า หาก กกต. ไม่มีผลประโยชน์จากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ควรต้องดำเนินการให้ประจักษ์แจ้ง แต่ไม่ใช่ค้างกันไว้และพยายามที่จะใช้เวลามันผ่านไปและใช้จังหวะโอกาสที่จะประกาศรับรอง สว.